วันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2559

ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์


อ้างอิง:- จดหมายตอบข้อหารือกรมสรรพากร

              พร้อมอ้างถึงข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องไว้เป็นหลักฐานประกอบ


เลขที่หนังสือ: กค 0702/10436
วันที่: 21 ธันวาคม 2552
เรื่อง: ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์
ข้อกฎหมาย: พระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 375)
ข้อหารือ          บริษัทฯ แจ้งว่า บริษัทฯ ประกอบกิจการลงทุนถือหุ้นในบริษัทอื่นในลักษณะทรัพย์สิน ในการประกอบกิจการบริษัทฯ ได้กู้ยืมเงินจากผู้ให้กู้เพื่อนำไปลงทุนในหลักทรัพย์ซึ่งมิได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะได้รับเงินปันผล หรือประโยชน์อื่นใด ซึ่งการลงทุนดังกล่าวบริษัทฯ จะต้องชำระดอกเบี้ยแก่ผู้ให้กู้ดอกเบี้ยจ่ายที่เกิดจากการกู้ยืมเงินเพื่อซื้อหุ้น บริษัทฯ ได้ปฏิบัติตามมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 375) พ.ศ. 2543 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 92) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเพื่อซื้อหรือให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ลงวันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2544 โดยเข้าใจว่า
          1. ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมที่เกิดขึ้นก่อนวันที่ได้รับหลักทรัพย์มา ถือว่าหลักทรัพย์นั้นไม่อยู่ในสภาพพร้อมที่จะใช้ได้ตามประสงค์ ให้ถือเป็นต้นทุนของทรัพย์สินหรือรายจ่ายอันมีลักษณะเป็นการลงทุน

          2. ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่บริษัทฯ มีกรรมสิทธิ์ในหลักทรัพย์ดังกล่าวถือเป็นวันที่ทรัพย์สินนั้นอยู่ในสภาพ พร้อมที่จะใช้ได้ตามประสงค์ บริษัทฯ จึงไม่ต้องนำดอกเบี้ยเงินกู้ยืมดังกล่าวไปรวมคำนวณเป็นต้นทุนของทรัพย์สินหรือรายจ่ายอันมีลักษณะเป็นการลงทุน แต่บริษัทฯ จะต้องนำมาถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ ไม่ต้อง ห้ามตามมาตรา 65 ตรี (13) แห่งประมวลรัษฎากร

          บริษัทฯ ขอทราบว่า ความเข้าใจของบริษัทฯ ข้างต้นถูกต้องหรือไม่
แนววินิจฉัย          กรณีบริษัทฯ ได้ลงทุนซื้อหลักทรัพย์ในบริษัทอื่นเพื่อหาผลประโยชน์ อันเข้าลักษณะเป็นทรัพย์สิน ราคาหุ้นที่บริษัทฯ ได้ซื้อมาดังกล่าวถือเป็นต้นทุนของทรัพย์สินนั้น

          ส่วนดอกเบี้ยจากการกู้ยืมเงินเพื่อนำมาซื้อหุ้นดังกล่าว หากการซื้อหุ้นเป็นการดำเนินธุรกิจการค้าหรือวิชาชีพหรือ เกี่ยวเนื่องโดยตรงต่อทรัพย์สินที่ก่อให้เกิดรายได้ ดอกเบี้ยจากการกู้ยืมเงินดังกล่าวเกิดขึ้นในรอบระยะเวลาบัญชีใด ให้บริษัทฯ ปฏิบัติดังนี้

          1. ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมที่เกิดขึ้นก่อนวันที่ทรัพย์สินนั้นอยู่ในสภาพพร้อมที่จะใช้ได้ตามประสงค์ ให้ถือเป็นต้นทุนของทรัพย์สิน หรือรายจ่ายอันมีลักษณะเป็นการลงทุน 

          2. ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ทรัพย์สินนั้นอยู่ในสภาพพร้อมที่จะใช้ได้ตามประสงค์ ให้ได้รับสิทธิยกเว้นภาษี โดยบริษัทฯ จะต้องไม่ต้องนำดอกเบี้ยเงินกู้ยืมดังกล่าวไปรวมคำนวณเป็นต้นทุนของทรัพย์สินหรือรายจ่ายอันมีลักษณะเป็นการลงทุน หรือไม่หักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ทั้งนี้ ตามมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 375) พ.ศ. 2543 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 92)ฯ ลงวันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2544
เลขตู้


: 72/37068

เลขที่หนังสือ
: กค 0706/10948
วันที่
: 27 ธันวาคม 2549
เรื่อง
: ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีดอกเบี้ยเงินกู้ยืม
ข้อกฎหมาย
: มาตรา 65 ตรี (13) แห่งประมวลรัษฎากร
ข้อหารือ

:      กรณีที่บริษัทฯ ได้กู้ยืมเงินมาเพื่อซื้อหุ้น ดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นถือเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินธุรกิจการค้าโดยปกติของบริษัทฯ ดังนั้น ดอกเบี้ยจ่ายที่เกิดจากการกู้ยืมเงินเพื่อซื้อหุ้นนั้น บริษัทฯ ได้ปฏิบัติตามมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 375) พ.ศ. 2543 และตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 92) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเพื่อซื้อหรือให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ลงวันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2544 โดยบริษัทฯ แบ่งเป็น 2 ส่วนในการลงบันทึกบัญชี ได้แก่
      1. ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมที่เกิดขึ้นก่อนวันที่ได้รับหุ้นมา ถือว่าหุ้น (ทรัพย์สิน) นั้นยังไม่อยู่ในสภาพพร้อมที่จะใช้ได้ตามประสงค์ บริษัทฯ จะถือดอกเบี้ยจ่ายในการซื้อหุ้นดังกล่าวเป็นต้นทุนของหุ้น หรือรายจ่ายอันมีลักษณะเป็นการลงทุน
      2. ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมที่เกิดขึ้นหลังจากที่บริษัทฯ มีกรรมสิทธิ์ในหุ้นดังกล่าว ถือว่าเป็นวันที่หุ้น (ทรัพย์สิน) นั้นอยู่ในสภาพพร้อมที่จะใช้ได้ตามประสงค์บริษัทฯ จึงไม่ต้องนำดอกเบี้ยเงินกู้ยืมไปรวมคำนวณเป็นต้นทุนของทรัพย์สินถือเป็นรายจ่ายอันมีลักษณะเป็นการลงทุน แต่บริษัทฯ นำมาถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล
      กรณีตาม 1. และ 2. บริษัทฯ เข้าใจว่า ตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม 2549 เป็นต้นไป (ซึ่งเป็นวันที่บริษัทฯ ได้รับกรรมสิทธิ์ในหุ้นดังกล่าว) ดอกเบี้ยจ่ายที่เกิดขึ้นถือเป็นรายจ่ายทางภาษีได้ บริษัทฯ เข้าใจถูกต้องแล้วหรือไม่
แนววินิจฉัย
:      กรณีตามข้อเท็จจริง บริษัทฯ นำเงินกู้ยืมไปลงทุนซื้อหุ้นในบริษัทแห่งหนึ่ง บริษัทฯ มีสิทธินำดอกเบี้ยเงินกู้ยืมที่เกิดขึ้นนับแต่วันที่บริษัทฯ ได้รับกรรมสิทธิ์ในหุ้นมาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลของบริษัทฯ ได้ โดยไม่เป็นการต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี (13) แห่งประมวลรัษฎากร
เลขตู้
: 69/34705
clear-gif


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น