แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ รับหมายเรียกตำรวจ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ รับหมายเรียกตำรวจ แสดงบทความทั้งหมด

วันจันทร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2559

หากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลไม่ได้ดำเนินการจดทะเบียนเลิกและชำระบัญชีที่กรมพัฒนาธุรกิจให้เสร็จสิ้น แต่ปล่อยให้เป็นกิจการร้างและรอกรมพัฒนาธุรกิจขีดชื่อออกจากระบบ จะมีผลกระทบต่อนิติบุคคล กรรมการ หุ้นส่วนในปีต่อไป อย่างไร


ที่มา Fanpages :- สุเทพ พงษ์พิทักษ์
คำเตือน:- ท่านอาจารย์สุเทพ พงษ์พิทักษ์ ไม่มีความเกี่ยวข้องใดกับกิจการ เนื้อหาที่นำมาเผยแพร่เป็นแหล่งความรู้ เพื่อใช้อ้างอิง ประกอบเท่านั้น โปรดอ้างอิงกฎหมายที่เกี่ยวข้องในข้อความ

คุณ Happy Mango (21 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา 19:34 น.)
ปุจฉา: เรียน อ.สุเทพ ที่เคารพ
กรณี บริษัทร้าง-เลิกดำเนินกิจการ แต่มิได้ดำเนินการจดทะเบียนเลิกและชำระบัญชีที่กรมพัฒนาธุรกิจให้เสร็จสิ้น
บริษัทจดทะเบียนในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม และได้เลิกดำเนินกิจการในระหว่างปี 2558 ณ วันสิ้นปี 2558 บริษัท ไม่มีทรัพย์สินใดๆ คงเหลือในบัญชี แต่มีเจ้าหนี้กรรมการ 50 ล้านบาท ทุน 1 ล้านบาท และขาดทุนเกินทุน 49 ล้านบาท ซึ่งทางบริษัทฯ ได้ปิดบัญชีและยื่นแบบภาษีเงินได้ (ภ.ง.ด.50) ปี 2558 เรียบร้อยแล้ว
ขอเรียนสอบถามว่า หากกรรมการและผู้ถือหุ้นไม่ได้ดำเนินการจดทะเบียนเลิกและชำระบัญชีที่กรมพัฒนาธุรกิจให้เสร็จสิ้นในปี 2559 แต่ปล่อยให้เป็นกิจการร้างและรอกรมพัฒนาธุรกิจขีดชื่อออกจากระบบ จะมีผลกระทบทางภาษีในปี 2559 เป็นต้นไปอย่างไรบ้างคะ
ขอบพระคุณค่ะ

สุเทพ พงษ์พิทักษ์

วิสัชนา:
หากกรรมการและผู้ถือหุ้นไม่ได้ดำเนินการจดทะเบียนเลิกและชำระบัญชีที่กรมพัฒนาธุรกิจให้เสร็จสิ้นในปี 2559 แต่ปล่อยให้เป็นกิจการร้างและรอกรมพัฒนาธุรกิจขีดชื่อออกจากระบบ จะมีผลกระทบทางภาษีในปี 2559 เป็นต้นไป ดังนี้
1. เนื่องจากบริษัทฯ มิได้ประกอบกิจการที่มีรายได้และไม่มีรายจ่ายใดๆ แล้ว จึงไม่มีภาระภาษีอากรที่ต้องเสียหรือนำส่งตามประมวลรัษฎากร
2. หากบริษัทฯ ไม่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้นิติบุคคล ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท รวมสองครั้งต่อรอบระยะเวลาบัญชี 4,000 บาท
3. กรมพัฒนาธุรกิจการค้าถอนทะเบียนบริษัทร้าง ตามหลักเกณฑ์การถอนทะเบียนห้างหุ้นส่วนบริษัทร้างดังนี้
ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด และบริษัทจำกัด เป็นนิติบุคคลที่จดทะเบียนจัดตั้งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เมื่อจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท ทุกรายมีหน้าที่ต้องจัดทำงบการเงินประจำปียื่นต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพื่อแสดงฐานะทางการเงินและผลการดำเนินกิจการในรอบปีที่ผ่านมา ในปัจจุบันมีห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำนวนหนึ่งที่จัดตั้งขึ้นแล้ว ต่อมาไม่ได้ทำการค้าขายหรือประกอบการงานใด ๆ แต่ไม่ได้ยื่นงบการเงินประจำปีต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า หรือบางรายจดทะเบียนเลิกแล้วแต่ไม่ยื่นรายงานการชำระบัญชีต่อนายทะเบียนหรือจดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชีให้เสร็จสิ้น ชื่อของห้างหุ้นส่วนและบริษัทก็ยังคงอยู่ในทะเบียน มีสถานะเป็นนิติบุคคลอยู่และทำให้ฐานข้อมูลนิติบุคคลไม่ถูก ต้องตามความเป็นจริง ซึ่งจะทำให้ไม่มีผู้ใดทราบสภาพอันแท้จริงของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทนั้นว่าไม่ได้ประกอบกิจการค้าแล้ว อาจทำให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจผิดและก่อให้เกิดความเสียหาย เนื่องจากการทุจริตหลอกหลวงสภาพอันแท้จริงของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทก็ได้ กฎหมายจึงให้นายทะเบียนมีอำนาจถอนทะเบียนห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทที่ทิ้งร้างหรือเลิกไปแล้วและไม่ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายดังกล่าว
3.1 มูลเหตุที่ห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทจำกัดจะถูกถอนทะเบียนร้าง
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในฐานะสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกลางจึงอาศัยอำนาจตามความในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ดำเนินการถอนทะเบียนห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทจำกัดที่เข้าข่ายตามข้อสันนิษฐานว่าห้างหุ้นส่วนและบริษัทมิได้ทำการค้าหรือประกอบการงานหรือจดทะเบียนเลิกห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทแล้วแต่ไม่มีตัวผู้ชำระบัญชีทำการอยู่
3.2 ข้อสันนิษฐานว่ามิได้ทำการค้าหรือประกอบการงานหรือจดทะเบียนเลิกแล้วแต่ไม่มีตัวผู้ชำระบัญชีทำการอยู่
(1) ห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทใดมิได้ส่งงบการเงินนับแต่ปีปัจจุบันย้อนหลัง 3 ปีติดต่อกัน
(2) ห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทที่จดทะเบียนเลิกแล้ว และอยู่ระหว่างชำระบัญชี แต่ผู้ชำระบัญชีมิได้ทำรายงานการชำระบัญชีหรือมิได้ยื่นจดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชีให้เสร็จสิ้นภายใน 3 ปี นับแต่วันรับจดทะเบียนเลิก และนายทะเบียนได้มีหนังสือส่งทางไปรษณีย์ตอบรับไปยัง ห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทและผู้ชำระบัญชีแจ้งให้ดำเนินการเพื่อให้มีตัวผู้ชำระบัญชี หรือยื่นรายงานการชำระบัญชี หรือจดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชีภายใน 180 วัน นับแต่วันที่ส่งหนังสือแล้ว แต่ผู้ชำระบัญชีมิได้ปฏิบัติตาม
3.3 ผลของการถอนทะเบียนร้าง
(1) ห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทสิ้นสภาพนิติบุคคล
(2) ความรับผิดของหุ้นส่วนผู้จัดการ ผู้เป็นหุ้นส่วน กรรมการ ผู้จัดการ และผู้ถือหุ้นมีอยู่ เท่าไรก็ให้คงมีอยู่อย่างนั้นและพึงเรียกบังคับได้เสมือนห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทนั้นยังมิได้สิ้นสภาพนิติบุคคล
(3) ห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทอาจฟื้นคืนเข้าสู่ทะเบียนได้ถ้าห้างหุ้นส่วน ผู้เป็นหุ้นส่วน บริษัท ผู้ถือหุ้นหรือเจ้าหนี้ใด ๆ ของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทนั้นยื่น คำร้องต่อศาลเพราะรู้สึกว่าต้องเสียหายโดยไม่เป็นธรรมจากการถูกขีดชื่อออกจากทะเบียน หากศาลพิจารณาเห็นว่าในขณะที่ขีดชื่อห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทออกจากทะเบียน ห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทยังทำการค้าขายหรือยังประกอบการงานอยู่ หรือเป็นการยุติธรรมในการที่จะให้ห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทได้กลับคืนสู่ทะเบียน ศาลจะสั่งให้จดชื่อห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทกลับคืนเข้าสู่ทะเบียนก็ได้ แต่ห้ามมิให้ร้องขอเมื่อพ้นกำหนด 10 ปีนับแต่วันที่นายทะเบียนขีดชื่อห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทออกจากทะเบียน
ที่มา: http://goo.gl/YIzhMA
4. เมื่อถูกถอนทะเบียนร้าง ซึ่งเป็นอันสิ้นสภาพนิติบุคคล ก็หมดหน้าที่ในทางภาษีอากรโดยปริยาย เว้นแต่มีภาระภาษีอากรค้าง กรมสรรพากรอาจขอให้ศาลสั่งให้ฟื้นคืนเข้าสู่ทะเบียนได้

ข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้เขียน BLOG

แต่กรณีท่านเป็นบุคคลผู้มีฐานะและสภาพอันพึงสมควรชำระบัญชีให้ถูกต้องพึงระวัง ในกรณีกรมสรรพากรฟื้นกิจการที่ร้างมาดำเนินการให้ท่านชำระภาษีให้ถูกต้องต่อไปตามบทความข้างล่างครับ

วันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2559

บริษัทต้องจัดให้มีผู้สอบบัญชีตรวจสอบงบดุลประจำปี แล้วนำเสนอเพื่ออนุมัติในที่ประชุมใหญ่ภายในสี่เดือนนับแต่วันที่ลงในงบดุลนั้น


อ้างอิง:- ข้อกำหนดสภาวิชาชีพบัญชี ลงวันที่ 12 ธันวาคม 2556 คลิกเอกสารที่อ้างถึง
คัดมาบางส่วน


"ข้อ ๖ เพื่อประโยชน์ในการควบคุมการประกอบวิชาชีพสอบบัญชีและป้องกันมิให้มี การแอบอ้างใช้ชื่อของผู้สอบบัญชีในรายงานของผู้สอบบัญชี ให้ผู้สอบบัญชีแจ้งรายชื่อกิจการที่ตน จะลงลายมือชื่อแสดงความเห็นต่องบการเงินในปีถัดไปที่เป็นข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วนตรงตามความเป็นจริง ทุกประการต่อสภาวิชาชีพบัญชี ภายในวันที่ ๓๐ มิถุนายนของทุกปี กรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงจํานวนและรายชื่อกิจการที่ไดแจ้งไว้ตามวรรคหนึ่งให้แจ้งการเปลี่ยนแปลง ต่อสภาวิชาชีพบัญชีก่อนผู้สอบบัญชีลงลายมือชื่อแสดงความเห็นต่องบการเงินในรายงานของผู้สอบบัญชี "

สรุป

สภาวิชาชีพบัญชี กำหนดให้มีการแจ้งการเป็นผู้สอบบัญชีของกิจการก่อนผู้สอบบัญชีจะลงลายมือชื่อในงบการเงิน หมายความว่า ถ้าผู้สอบบัญชีแจ้งชื่อเป็นผู้สอบบัญชีของท่านหลังวันที่ 30 เมษายน ของปีถัดไปต่อสภาวิชาชีพบัญชี เช่นวันที่ 1 พฤษภาคม งบการเงินของบริษัทจำกัด ก็ต้องลงวันที่ในรายงานการสอบบัญชีได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม แต่ไม่เกิน 30 มิถุนายน ของปีนั้น

ซึ่งจะทำให้บริษัทจำกัดมีความผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา ๑๑๙๗ งบดุลนั้นต้องจัดให้มีผู้สอบบัญชีคนหนึ่งหรือหลายคนตรวจสอบแล้วนำเสนอเพื่ออนุมัติในที่ประชุมใหญ่ภายในสี่เดือนนับแต่วันที่ลงในงบดุลนั้น 

การประชุมผู้ถือหุ้นสามัญบริษัทประจำปีและอนุมัติงบการเงิน ล่าช้ากว่า 4 เดือนนับจากวันสิ้นงวดมีค่าปรับ กรมพัฒนาธุรกิจการค้าตามรูปข้างล่าง ครับ


วิธีการตรวจสอบว่าบริษัทของท่านมีผู้สอบบัญชี แจ้งชื่อหรือยัง ครับ



หลังจากไปยังหน้าจอดังกล่าว 
1.ให้ระบุ ปีที่ลงวันที่ในรายงานผู้สอบบัญชี เช่นงบการเงิน 31 ธันวาคม 58 ก็ต้องลงลายมือชื่อปี 2559  ก็ให้ระบุปีที่ลงลายมือชื่อ 2559 
2.กรอกเลขประจำตัวของนิติบุคคล หลังจากนั้นจะทราบผลว่ามีผู้สอบบัญชีแจ้งชื่อเป็นผู้สอบบัญชีของบริษัท แล้วหรือยัง

 ถ้ายังไม่มีก่อน 4 เดือนนับจากวันสิ้นงวดงบดุล ก็ต้องรีบติดตามหาผู้สอบบัญชีให้แจ้งชื่อก่อน ครับ 4 เดือน ครับ

คลิกลิงก์ https://eservice.fap.or.th/corporate_check/


         

วันจันทร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2557

สรุปข้อกฎหมาย:-ปัญหาคดีรับหมายเรียกจากตำรวจ(สำนักงานตำรวจแห่งชาติ) ฐานไม่ยื่นหรือส่งงบการเงินล่าช้า หรือเกินกำหนด

สรุปข้อกฎหมาย:-ปัญหาคดี#รับหมายเรียก#จากตำรวจ(สำนักงานตำรวจแห่งชาติ)
ไม่ยื่นหรือ#ส่งงบการเงินล่าช้า# หรือเกินกำหนดได้รับ หมายเรียกผู้ต้องหา จากกองบังคับการสืบสวนสอบสวนคดีเศรษฐกิจ ความอาญา ฐานความผิด#ไม่ยื่นงบการเงิน# โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เป็นผู้กล่าวหา ฐานร่วมกัน#ไม่ส่งงบการเงิน#ของบริษัท หรือ ห้างหุ้นส่วน ภายในกำหนด อันเป็นความผิดตาม พรบ. การปัญชี พ.ศ. 2543 มาตรา 11 วรรคหนึ่ง ,30 และ 40 และให้ไปพบที่กองบังคับการตำรวจ

1.ความผิดตามคดีรับหมายเรียกจากตำรวจ(สำนักงานตำรวจแห่งชาติ) ฐานความผิด#ไม่ยื่นงบการเงิน#
อ้างอิงกฎหมายอาญา กรณีรับหมายเรียก ไม่ยื่น #ส่งงบการเงินล่าช้า# เกินกำหนด 

เป็นกฎหมายอาญา มาตรา 95 ใจความว่า ถ้าไม่ได้ฟ้อง และนำตัวผู้กระทำความผิดมา
อายุความในเรื่องไม่ยังศาลภายในหนึ่งปี นับแต่วันกระทำความผิด เป็นอันขาดอายุความ

2.ข้อกฎหมายพรบ.การบัญชี ความผิดตามพรบ.การบัญชี
กรณีคดีรับหมายเรียกจากตำรวจ(สำนักงานตำรวจแห่งชาติ) ฐานความผิด#ไม่ยื่นงบการเงิน#
ไม่ยื่นหรือส่งงบการเงินล่าช้า เกินกำหนด 

ตามรูปข้างล่างเลย ครับ


3.ข้อกฎหมายตามประมวลรัษฎากร กรณีคดีรับหมายเรียกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ฐานความผิดไม่ยื่นงบการเงิน หรือส่งงบการเงินล่าช้า เกินกำหนด 

เตือน “ยื่นแบบ ภ.ง.ด.50/52/55” เกินกำหนดเวลา  ต้องเสียค่าปรับ

          นิติบุคคลผู้มีหน้าที่ยื่นแบบ ภ.ง.ด.50/52/55  จะต้องยื่นแบบฯ พร้อมทั้งชำระภาษี (ถ้ามี) ภายใน 150 วัน นับแต่วันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี (โดยต้องยื่นเป็นประจำทุกรอบระยะเวลาบัญชี ไม่ว่าจะมีรายได้หรือไม่ก็ตาม) หากพ้นกำหนดต้องระวางโทษค่าปรับไม่เกิน 2,000 บาท ตามมาตรา 35 แห่งประมวลรัษฎากร แต่เปรียบเทียบค่าปรับ ตามมาตรา 3 ทวิ(1) แห่งประมวลรัษฎากร ดังนี้ 

1.  นิติบุคคล
 1.1 กรณียื่นแบบฯ ไม่เกิน 7 วัน นับแต่วันพ้นกำหนดเวลา เสียค่าปรับ 1,000 บาท
 1.2 กรณียื่นแบบฯ     เกิน  7 วัน นับแต่วันพ้นกำหนดเวลา เสียค่าปรับ 2,000 บาท

2.  มูลนิธิหรือสมาคม  
2.1 กรณียื่นแบบฯ ไม่เกิน 7 วัน นับแต่วันพ้นกำหนดเวลา เสียค่าปรับ    500 บาท
2.2 กรณียื่นแบบฯ    เกิน  7 วัน นับแต่วันพ้นกำหนดเวลา เสียค่าปรับ 1,000 บาท

หมายเหตุ กรณีมีภาษีต้องชำระต้องเสียเงินเพิ่มอีกอัตราร้อยละ 1.5 ต่อเดือนหรือเศษของเดือนของเงินภาษีที่ต้องชำระนับแต่วันพ้นกำหนดเวลาการยื่นแบบฯ จนถึงวันที่ยื่นแบบฯ ตามมาตรา 27 แห่งประมวลรัษฎากร

จดทะเบียนบริษัท สำนักงานรับทำบัญชี แจ้งวัฒนะ ปากเกร็ด นนทบุรี สามโคก ปทุมธานี
บริษัท เอส.เค.แอคเคาน์ติ้งอินฟอร์เมชั่น จำกัด โทร 02-575-3007-8
รับจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วน บริษัท บุุคคลธรรมดา
รับวางระบบบัญชีด้วยโปรแกรมบัญชี Express
รับวางแผนภาษี และเคลียภาษีสรรพากร
ตรวจสอบ ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับธุรกิจที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน (BOI-Business)
รับแก้ไขปัญหาคดีรับหมายเรียกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ฐานความผิดไม่ยื่นงบการเงิน
หรือส่งงบการเงินล่าช้า เกินกำหนดดังกล่าว โดยประหยัดและถูกต้อง

85/151 ถนนแจ้งวัฒนะ 27  ตำบลคลองเกลือ
อำเภอปากเกร็ด นนทบุรี 11120
โทรศัพท์ 02-575-3007 โทรสาร 02-575-3008
ดำเนินการโดย
นักบัญชีรับอนุญาต จากกระทรวงพาณิชย์และสภาวิชาชีพบัญชี

วันพุธที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2557

รับหมายเรียกตำรวจไม่ได้ยื่นงบการเงินกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์

ระยะนี้เป็นระยะที่บริษัททั้งหลายที่มีรอบปีบัญชี สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2554 ต้องจัดเตรียมเรื่องการส่งงบการเงิน หลายบริษัทได้ส่งงบการเงินแล้ว แต่ส่วนมากยังอยู่ระหว่างเตรียมการนัดประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณารับรองงบการเงิน เพื่อส่งให้ทางราชการให้ทันภายในกำหนดเวลา ยกเว้นบริษัทที่เลิกกันแล้ว สำหรับการไม่ส่งงบการเงินอาจจะมีผลทำให้บริษัทต้องเลิกไปก็ได้

บริษัททั้งหลายเมื่อจดทะเบียนตั้งขึ้นแล้ว ต่างก็มีวัตถุประสงค์จะประกอบธุรกิจค้าขาย และส่วนมากตั้งขึ้นโดยไม่คิดที่จะเลิกบริษัท อย่างไรก็ตาม บริษัทอาจต้องเลิกกันทั้งโดยสมัครใจและไม่สมัครใจ ดังนี้

1.เลิกตามข้อกำหนดที่กำหนดในข้อบังคับของบริษัท
(1.1) เมื่อมีข้อบังคับกำหนดกรณีที่จะเลิกกันและเกิดกรณีนั้น เช่นมีข้อกำหนดว่าให้เลิกบริษัท ถ้าผลการดำเนินงานขาดทุนสะสมติดต่อกันห้าปี ถ้าเกิดการขาดทุนสะสมติดต่อกันห้าปี บริษัทเป็นอันเลิก
(1.2) บางบริษัทอาจกำหนดระยะเวลาไว้ เช่น บริษัทตั้งขึ้นมีระยะเวลาสิบปี เมื่อครบสิบปีบริษัทเป็นอันเลิก
(1.3) บางบริษัทจดทะเบียนเพื่อทำกิจการอย่างหนึ่งอย่างใด เพื่อทำกิจการเสร็จ เช่น บริษัทตั้งขึ้นมามีวัตถุประสงค์เพื่อก่อสร้างสนามบิน เมื่อสร้างสนามบินเสร็จบริษัทเป็นอันเลิก

2.เลิกเมื่อมีประชุมมีมติพิเศษให้เลิกบริษัท
มติพิเศษ คือ มติของที่ประชุมผู้ถือหุ้น ซึ่งเห็นชอบในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เช่น ให้เลิกบริษัท โดยมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสามในสี่ของจำนวนเสียงทั้งหมด และได้ลงมติยืนยันมตินั้นอีกครั้งหนึ่งในการประชุมครั้งที่สอง ซึ่งจัดให้มีการประชุมในเวลาไม่น้อยกว่าสิบสี่วันแต่ไม่เกินหกสัปดาห์นับแต่วันประชุมครั้งแรก และลงมติยืนยันมติเดิมด้วยเสียงข้างมากไม่น้อยกว่าสองในสามของจำนวนเสียงทั้งหมด

3.เมื่อบริษัทล้มละลาย

4.เมื่อศาลสั่งให้เลิก

ในกรณีศาลสั่งให้เลิกจะต้องเกิดจากกรณีผู้มีส่วนได้เสีย คือ ผู้ถือหุ้นเป็นผู้ยื่นฟ้องให้ศาลสั่งโดยต้องมีเหตุมาจากกรณีดังนี้ คือ
(4.1) ทำผิดในการยื่นรายงานประชุมตั้งบริษัท หรือทำผิดในการประชุมตั้งบริษัท
(4.2) บริษัทไม่เริ่มทำการภายในหนึ่งปีนับแต่วันจดทะเบียน หรือหยุดทำการถึงหนึ่งปี
(4.3) ถ้าบริษัทยังคงดำเนินการต่อไป ก็มีแต่จะขาดทุนอย่างเดียวและไม่มีทางที่จะฟื้นตัวได้
(4.4) ถ้าผู้ถือหุ้นลดน้อยลงจนไม่ถึงเจ็ดคน

5.เลิกเพราะนายทะเบียนเพิกถอนหรือขีดชื่อออกจากทะเบียน
เมื่อมีพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539 ออกใช้บังคับ กฎหมายดังกล่าวเปิดช่องให้นายทะเบียนเพิกถอนการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทตามเกณฑ์ที่กำหนดได้ เช่น กรณีจัดตั้งบริษัทเป็นไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย สำหรับกฎหมายหุ้นส่วนบริษัทที่ให้นายทะเบียนมีอำนาจเพิกถอนหรือขีดชื่อบริษัทออกจากทะเบียน คือ การถอนทะเบียนบริษัทร้าง ซึ่งมีขั้นตอนการดำเนินงานและผลดังนี้ คือ

(1) บริษัทที่มิได้ทำการค้าหรือประกอบการงานแล้ว เช่น ตั้งบริษัทขึ้นมาทำกิจการภัตตาคาร แต่เปิดไปได้สักพักก็หยุดกิจการ ไม่ได้ประกอบการค้าขายอันใดมาตลอด กรณีเช่นนี้เข้าข่ายเป็นบริษัทร้าง ในทางปฏิบัติไม่มีทางที่นายทะเบียนจะไปสอดส่องคอยดูว่า บริษัทต่างๆ ที่จดทะเบียนยังคงทำมาค้าขายหรือไม่ เพราะบริษัทที่จดทะเบียนมีมากมายหลายแสน จึงมีการกำหนดเป็นระเบียบปฏิบัติว่า ถ้าบริษัทใดไม่ส่งงบการเงินติดต่อเป็นเวลาสามปีติดต่อกัน จะถือว่าบริษัทดังกล่าวมิได้ทำการค้าขายหรือประกอบกิจการงานแล้วจึงเข้าข่ายเป็นบริษัทร้าง


(2) เมื่อพิจารณาได้ว่าเป็นบริษัทร้าง นายทะเบียนต้องดำเนินการตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ สรุปได้คือ มีหนังสือสอบถามไปยังบริษัทว่ายังประกอบกิจการอยู่หรือไม่ ถ้าจดหมายสอบถามฉบับแรกยังไม่ได้คำตอบ อีกไม่เกินสิบสี่วันนายทะเบียนต้องมีจดหมายสอบถามส่งไปเป็นครั้งที่สอง ถ้าบริษัทแจ้งว่าไม่ได้ทำการค้าขายแล้ว หรือไม่ได้รับคำตอบภายในหนึ่งเดือนนับแต่ส่งจดหมายฉบับที่สองไป ก็ต้องทำเป็นประกาศลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์ เมื่อพ้นกำหนดสามเดือนบริษัทดังกล่าวจะถูกขีดชื่อออกจากทะเบียนและต้องเลิก เมื่อถึงกำหนดเวลาสามเดือนบริษัทไม่ได้แจ้งข้อมูลเป็นอย่างอื่น จะลงประกาศในราชกิจจานุเบิกษา แจ้งรายชื่อบริษัทที่ถูกถอนทะเบียน บริษัทดังกล่าวมีผลเป็นอันเลิกเมื่อประกาศในพระราชกิจจานุเบิกษา

(3) ความรับผิดของกรรมการผู้จัดการ และผู้ถือหุ้นกรณีบริษัทถูกถอนทะเบียนเพราะเป็นบริษัทร้าง บริษัทที่ถูกถอนทะเบียนดังกล่าวและมีผลเป็นอันเลิกล้มตามกฎหมาย แต่ไม่มีผลต่อความรับผิดของกรรมการผู้จัดการหรือผู้ถือหุ้น ถ้าบุคคลเหล่านั้นมีความรับผิดอย่างไรก่อนที่บริษัทจะถูกเพิกถอนทะเบียน ก็ยังคงมีความรับผิดชอบเช่นเดิมเสมือนบริษัทยังไม่เลิกค้างไว้ตลอดไปจนกว่าจะเลิกกิจการ

(4) การฟื้นบริษัทที่ถูกถอนทะเบียน เพราะเป็นบริษัทร้าง
บริษัทที่ถูกเพิกถอนทะเบียนเพราะเป็นบริษัทร้าง ยังอาจกลับฟื้นขึ้นมาใหม่ได้ ที่เรียกกันว่า การจดชื่อบริษัทเข้าสู่ทะเบียน การขีดชื่อออกจากทะเบียนอาจทำให้เกิดการเสียหายแก่ผู้เกี่ยวข้องได้ เช่น บริษัทยังเป็นหนี้อยู่เจ้าหนี้อาจเสียหาย หรือบริษัทยังคงประกอบกิจการค้าขายอยู่แต่ไม่ส่งงบการเงินและไม่ได้รับจดหมาย เพราะย้ายที่อยู่ซึ่งเป็นความผิดก็ต้องว่ากันไปตามความผิดนั้น กรณีเช่นนี้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ขอให้ศาลสั่งให้บริษัทกลับคืนสู่ทะเบียนดังเดิมได้ เมื่อศาลสั่งให้จดชื่อบริษัทกลับคืนสู่ทะเบียนแล้ว ถือว่าบริษัทไม่เคยถูกขีดชื่ออกจากทะเบียนเลย คือ ยังเป็นนิติบุคคลตลอดมา

5.การถอนทะเบียนบริษัทที่ตั้งขึ้นโดยไม่มีเจตนาประกอบธุรกิจ
มีหลายบริษัทที่จดทะเบียนขึ้นมาโดยผู้จดทะเบียนมิได้ตั้งใจประกอบธุรกิจแต่อย่างใด แต่ตั้งขึ้นมาเพื่อหลบเลี่ยงกฎหมาย เช่น ใช้ชื่อถือครองที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์แทนคนต่างด้าว
การที่นายทะเบียนจะใช้สิทธิยื่นคำร้องขอต่อศาลสั่งให้เลิกบริษัท โดยถือว่าบริษัทไม่เริ่มทำการภายในหนึ่งปี หรือหยุดทำการเกินกว่าหนึ่งปี อาจมีปัญหาข้อกฎหมายและปัญหาทางปฏิบัติบางประการ กรณีเช่นนี้นายทะเบียนใช้อำนาจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองดำเนินการเพิกถอนก็น่าจะกระทำได้ แต่นายทะเบียนคงไม่ถนัดนักกับกฎหมายฉบับนี้ หนทางที่น่าจะดำเนินการได้อย่างถนัดคือ การใช้อำนาจถอนทะเบียนบริษัทร้างเพราะไม่ประกอบกิจการ หากจะอ้างว่ามีการส่งงบการเงินไม่เคยขาด ก็ต้องดูงบการเงินว่าได้ประกอบกิจการอะไรหรือไม่ ตั้งแต่ตั้งบริษัทมามีรายรับรายจ่ายอย่างไร


ถ้านายทะเบียนใช้อำนาจถอนทะเบียนบริษัทดังกล่าวโดยถือว่าเป็นบริษัทร้าง ไม่ต้องเกรงว่าจะถูกถอนเป็นนายทะเบียนร้าง เพราะการดำเนินการเช่นนี้เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม คงจะมีส่วนราชการหลายแห่งเป็นกองเชียร์สนับสนุน

นำเสนอโดย สำนักงานรับทำบัญชี บริษัท เอส.เค.แอคเคาน์ติ้งอินฟอร์เมชั่น จำกัด  โทร 02-575-3007
บทความภาระภาษีกรมสรรพากรกรณีบริษัทร้างหรือไม่ได้ยื่นงบการเงิน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
การถอนทะเบียนห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทร้าง โดย กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์
หลังจากไม่มีการเคลื่อนไหวทะเบียนพาณิชย์ ครบ 3 ปี เพื่อเคลียนิติบุคคลจดทะเบียนที่ไม่เคลื่อนไหว
บทความ ที่มา - คอลัมน์ คลื่นความคิด  โดย สกล หาญสุทธิวารินทร์  มติชนรายวัน วันที่ 06 พฤษภาคม พ.ศ. 2548 ปีที่ 28 ฉบับที่ 9918

จดทะเบียนบริษัท สำนักงานรับทำบัญชี แจ้งวัฒนะ ปากเกร็ด นนทบุรี สามโคก ปทุมธานี
รับจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วน บริษัท บุุคคลธรรมดา
รับวางระบบบัญชีด้วยโปรแกรมบัญชี Express
รับวางแผนภาษี และเคลียภาษีสรรพากร
ตรวจสอบ ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับธุรกิจที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน (BOI-Business)
รับแก้ไขปัญหาคดีรับหมายเรียกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ฐานความผิดไม่ยื่นงบการเงิน
หรือส่งงบการเงินล่าช้า เกินกำหนดดังกล่าว โดยประหยัดและถูกต้อง

ทีมา:- จดหมายตอบข้อหารือกรมสรรพากร

85/151 ถนนแจ้งวัฒนะ 27  ตำบลคลองเกลือ
อำเภอปากเกร็ด นนทบุรี 11120
โทรศัพท์ 02-575-3007 โทรสาร 02-575-3008
ดำเนินการโดย

นักบัญชีรับอนุญาต จากกระทรวงพาณิชย์และสภาวิชาชีพบัญชี