แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ภาษีหัก ณที่จ่าย แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ภาษีหัก ณที่จ่าย แสดงบทความทั้งหมด

วันเสาร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2560

หุ้นสินทรัพย์ตัวใหม่ที่ กรมสรรพากรในยุคดิจิตัลที่จะใช้ไล่ล่าเสียภาษีได้

ตั้งแต่ 1 มกราคม 2560 กรมพัฒนาธุรกิจการค้าจะให้แบบฟอร์มรายชื่อผู้ถือหุ้นของบริษัท หรือ บอจ 5 จะต้องใส่เลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลักแล้ว ทำให้หน่วยราชการมีฐานข้อมูลในการเป็นเจ้าของสินทรัพย์อีกประเภทหนึ่งคือหุ้น ครับ จะมีผลในตรวจสอบการเสียภาษีของหุ้นคือ แค่ป้อนข้อมูลเลขประจำตัวบัตรประชาชนหรือเลขประจำตัวนิติบุคคล 13 หลักก็จะเห็นประวัติการเป็นผู้ถือหุ้น ดังนี้ คือ

1.นิติบุคคลตาม บอจ 5 คือ บริษัท จำกัด

    ถ้าบริษัทจำกัดที่มีกำไรสะสม ไม่ว่าจะเป็นสำรองตามกฎหมาย หรือ กำไรสะสมที่ยังไม่จัดสรร เมื่อจะจ่ายเงินปันผล หรือเมื่อจะเลิกกิจการ ถ้ายังมีกำไรสะสมอยู่ เท่ากับบริษัทมีภาระภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายของการจำหน่ายกำไรเท่ากับร้อยละ 10 เช่น ถ้าบริษัทมีกำไรสะสม 1,000,000 บาทก็จะมีภาระภาษีการจ่ายเงินปันผลร้อยละ 10 หรือ เท่ากับ 100,000 บาท

   สรุป ผู้บริหารบริษัทพึงระลึกเสมอว่า กำไรสะสมที่คงเหลือในบัญชีบริษัทมีภาระหนี้สินที่จะต้องชำระภาษีให้กรมสรรพากรร้อยละ 10 นะครับ

2.ผู้ถือหุ้นของบริษัทจำกัด แบ่งเป็น 2 กลุ่ม หลักคือ

    2.1 บุคคลธรรมดา แบ่งตามเงินได้เป็น

      2.1.1 เงินปันผลเมื่อได้รับจะต้องถูกหัก ภาษี ณ ที่จ่ายร้อยละ 10 แต่ให้สิทธิ์เลือกได้ระหว่างเลือกเสียภาษีร้อยละ 10 หรือนำมารวมคำนวณเป็นเงินได้บวกเครดิตภาษีเงินปันผล แต่ต้องนำมารวมคำนวณเงินปันผลทุกนิติบุคคล หรือไม่เลือกเลย

การเครดิตภาษีเงินได้จากเงินปันผลบริษัท หรือ ห้างหุ้นส่วน
http://tax.bugnoms.com/dividend-from-investment-should-pay-tax/

    2.1.2 กำไรจากการขายหุ้น ถ้าเป็นผู้ขายแล้วผู้ซื้อไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดา หรือ นิติบุคคลสามารถหักภาษี ณ ที่จ่ายในส่วนของผลกำไรจากการขายหุ้น โดยหักภาษีตามตารางภาษีบุคคลธรรมดาอัตราก้าวหน้า

อ้างอิงหนังสือตอบข้อหารือกรมสรรพากร ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีการขายหุ้นนอกตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
http://www.rd.go.th/publish/25417.0.html

ดูสรุปตารางการหัก ภาษี ณ ที่จ่ายข้างล่าง (ช) ผลประโยชน์ที่ได้จากการโอนการเป็นหุ้นส่วนหรือ โอนหุ้น หุ้นกู้ พันธบัตร หรือตั๋วเงิน หรือตราสารแสดงสิทธิในหนี้ที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นเป็นผู้ออก ทั้งนี้ เฉพาะซึ่งตีราคาเป็นเงินได้เกินกว่าที่ลงทุน
http://taxclinic.mof.go.th/pdf/128E587B_B65D_89A7_F9B2_425C2D4F8325.pdf

  2.1.3 ภาษีการให้และการรับ การให้สังหาริมทรัพย์ก่อนตาย
กรณีสังหาริมทรัพย์

– เงินได้ที่ได้รับจาก บุพการี ผู้สืบสันดาน หรือคู่ สมรส เฉพาะเงินได้ในส่วนที่ไม่เกิน 20 ล้านบาทตลอดปีภาษีนั้น

– เงินได้ที่ได้รับจาก การอุปการะโดยหน้าที่ธรรมจรรยา จากบุคคลซึ่ง มิใช่ตามข้อ 1 เฉพาะเงิน ได้ในส่วนที่ไม่เกิน 10 ล้านบาทตลอดปีภาษีนั้น

– เงินได้ที่ได้รับซึ่งผู้ให้แสดงเจตนาหรือเห็นได้ว่ามีความประสงค์ให้ใช้เพื่อสาธารณะประโยชน์ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง

อ้างอิง http://www.realist.co.th/blog/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B5%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%81-2/

  2.1.4 ภาษีมรดก คือสินทรัพย์ที่ให้หลังจากเสียชีวิตแล้ว คือมรดกที่ผู้รับมรดกได้รับจากเจ้ามรดกแต่ละราย ไม่ว่าจะได้รับมาในคราวเดียวหรือหลายคราว ถ้ามรดกที่ได้รับจากเจ้ามรดกแต่ละรายรวมกันมีมูลค่าเกิน 100 ล้านบาท ต้องเสียภาษีการรับมรดก

 อ้างอิง กรมสรรพากร http://www.rd.go.th/publish/27614.0.html

   2.2 นิติบุคคล แบ่งตามเงินได้เป็น

    2.2.1 เงินปันผล สรุปได้ดังนี้

   ก. 10% ภาษีหัก ณ ที่จ่าย กรณีที่ได้รับยกเว้น
ที่มาจากเอกสารประกอบการสัมมนา ยื่นแบบ ภงด 50 ง่ายกว่าที่คิด
จัดทำโดย นส.พรศิริ เหล่าพัชรกุล และ นส.กัลยาณี ยิ้มย่อง




    2.2.2 กำไรจากการขายหุ้น ไม่มีภาษีหัก ณ ที่จ่าย แต่ต้องนำไปรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ตามอัตราที่กฎหมายกำหนด

อ้างอิง ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
http://www.set.or.th/th/regulations/tax/tax_p1.html

วันเสาร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2559

นิติบุคคล ที่จดแจ้งบัญชีชุดเดียวกรมสรรพากร ไม่ยื่นแบบ ภงด 50 ปี 58 ภายใน 31 สค 59



สามารถอ่านข่าวประชาสัมพันธ์ได้โดยคลิกลิงก์ ข้างล่าง
http://www.rd.go.th/publish/fileadmin/user_upload/news/news19_2559.pdf

โดยสรุปการเสียสิทธิ์บัญชีชุดเดียว คือ
1.สิทธิ์ยกเว้นการถูกตรวจสอบภาษีย้อนหลังตั้งแต่ก่อนปี 58
คลิกอ่านเพิ่มเติม
http://skaccountinginformation.blogspot.com/2016/01/sme.html
2,สิทธิ์ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล SME ปี 59 อัตรา 0 %
คลิกอ่านเพิ่มเติม
http://skaccountinginformation.blogspot.com/2016/01/58.html
3.สิทธิ์การยื่นแบบเพิ่มเติมโดยไม่ต้องเสียค่าปรับ  ภพ 30 ภงด 1,2,3 และ 53 ภธ 40 อส 4ก สำหรับแบบ มค 58 ถึง มีค 59 ชำระภายใน 30 มิย 59
คลิกอ่านเพิ่มเติม
http://skaccountinginformation.blogspot.com/2016/03/58-59.html


วันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

การนำค่าโฆษณา google adword มาลงเป็นค่าใช้จ่ายบริษัท


สรุปเลยนะครับ

ลงโฆษณา google จ่ายค่าโฆษณา ไปที่ ireland ถือเป็นเงินได้ 40 (8) ไม่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย

แต่ใช้ในประเทศไทยต้องจ่าย ภาษีมูลค่าเพิ่ม ผ่าน ภพ 36 อ่านรายละเอียด ตามเอกสารประกอบ

อ้างอิงการตอบจากจดหมายตอบข้อหารือกรมสรรพกร เลขที่ กค 0706/10491

วันที่ : 17 ตุลาคม 2550
เรื่อง : ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายและภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีการจ่ายเงินไปต่างประเทศ
ข้อกฎหมาย: มาตรา 77/2 มาตรา 85/6(2) มาตรา 41 มาตรา 80/1(2) มาตรา 70 มาตรา 80 มาตรา 40(8) มาตรา 40(2) และมาตรา 50(1) แห่งประมวลรัษฎากร


          1.บริษัท ด. ประกอบกิจการเกี่ยวกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์เมื่อลูกค้าของบริษัทฯ ได้ว่าจ้างบริษัทฯ ทำกราฟฟิกดีไซน์ พัฒนาโปรแกรมซอฟท์แวร์ทำการตกลงเกี่ยวกับการบริการและขอบเขตการดำเนินงานตลอดจนราคาแล้ว บริษัทฯจะติดต่อผู้รับจ้างซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลในประเทศอินเดียให้ดำเนินการอีกทอดหนึ่งหลังจากที่ผู้รับจ้างทำงานเสร็จและส่งมอบงานแล้ว บริษัทฯจะส่งมอบงานให้ลูกค้าและเรียกเก็บเงินต่อไปโดยผู้รับจ้างไม่มีลิขสิทธิ์ในงานที่ทำจึงขอทราบว่า

              1.1การจ่ายเงินค่าจ้างให้กับผู้รับจ้างซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลในประเทศอินเดียนั้นจะต้องหักภาษีณ ที่จ่ายและเสียภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่

              1.2กรณีบริษัทฯส่งงานดังกล่าวให้กับลูกค้าในต่างประเทศโดยลูกค้าจะได้รับลิขสิทธิ์เต็มตลอดจนซอร์สโคด (Source Code) ในโปรแกรมดังกล่าวค่าบริการที่บริษัทฯ ได้รับจะต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่

          2. การชำระค่าโฆษณาและการรับชำระค่าโฆษณากรณีลูกค้าอยู่ประเทศไอร์แลนด์

              2.1ในทุก ๆ เดือน บริษัทฯ จะชำระค่าโฆษณาในSearch engine ให้กับบริษัท G. ในประเทศไอร์แลนด์บริษัทฯ จะต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายและเสียภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่

              2.2บริษัทฯ ได้ให้ G. ใช้พื้นที่ Website บางส่วนของบริษัทฯ ในการโฆษณา จะต้องหักภาษี ณที่จ่ายและเสียภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่

          3. บริษัทฯ ได้ซื้อ License Keys และ Support Contracts จากบริษัท ล. โดยบริษัทฯ จะไม่ได้รับลิขสิทธิ์ในโปรแกรมนี้ นอกจากการมีสิทธิในการขายให้กับลูกค้าเท่านั้น กรณีของSupportContracts นั้นในปีแรกไม่มีค่าบริการ ในปีถัดไปหากลูกค้าไม่ซื้อ Support Contracts ลูกค้าจะไม่ได้รับบริการใด ๆ เช่นไม่มีสิทธิในการอัพเกรดโปรแกรม แต่ลูกค้ายังคงใช้โปรแกรมเก่าที่มีอยู่ต่อไปได้การจ่ายค่า License Keys ให้กับบริษัทล. จะต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย และเสียภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่ ส่วนค่าบริการ SupportContracts นั้น บริษัท ล. ตกลงให้บริษัทฯหักภาษี ณ ที่จ่ายจากใบแจ้งหนี้ก่อนที่บริษัทฯ จะชำระเงินจึงขอทราบอัตราการหักภาษี ณ ที่จ่าย และภาษีมูลค่าเพิ่มตลอดจนวิธีคำนวณภาษี

ขอตัดมาเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้อง

          2.กรณีตาม 2. การชำระค่าโฆษณาและรับชำระค่าโฆษณา มีภาระภาษีหักณ ที่จ่ายและภาษีมูลค่าเพิ่มดังนี้

              2.1กรณีตามข้อ 2.1 บริษัทฯ จ่ายค่าโฆษณาใน Searchengine ซึ่งเป็นเครื่องมือในการสืบค้นข้อมูลในอินเตอร์เน็ตให้กับG. ในประเทศไอร์แลนด์เป็นกรณีที่ G. ลงโฆษณาให้กับบริษัทฯใน Search engine ซึ่งเป็นการให้บริการในต่างประเทศค่าตอบแทนกรณีการให้บริการดังกล่าวเข้าลักษณะเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา40(8) แห่งประมวลรัษฎากรบริษัทฯไม่มีหน้าที่ต้องหักภาษีจากเงินได้พึงประเมินที่จ่ายตามมาตรา 70 แห่งประมวลรัษฎากรแต่อย่างใดไม่ว่าผู้ให้บริการในต่างประเทศจะอยู่ในประเทศที่มีข้อตกลงว่าด้วยการเว้นการเก็บภาษีซ้อนกับประเทศไทยหรือไม่และหากการลงโฆษณาดังกล่าวบริษัทฯได้นำผลจากการโฆษณามาใช้ย่อมเข้าลักษณะเป็นการให้บริการที่ทำในต่างประเทศและได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักร จึงอยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม บริษัทฯซึ่งเป็นผู้จ่ายค่าตอบแทนให้แก่ผู้ให้บริการมีหน้าที่นำส่งเงินภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผู้ประกอบการมีหน้าที่ต้องเสียภาษีในอัตราร้อยละ7.0 ทั้งนี้ ตามมาตรา77/2 และมาตรา 83/6(2)แห่งประมวลรัษฎากร

              2.2กรณีตามข้อ 2.2 กรณีบริษัทฯ ให้ G. ใช้พื้นที่ Website บางส่วนของบริษัทฯเพื่อโฆษณาตามข้อเท็จจริงเข้าลักษณะเป็นการให้บริการอันถือเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา40(8) แห่งประมวลรัษฎากรบริษัทฯ ไม่มีหน้าที่ต้องหักภาษีจากเงินได้พึงประเมินที่จ่ายตามมาตรา 70 แห่งประมวลรัษฎากร แต่อย่างใดและกรณีการใช้พื้นที่ Website บางส่วนของบริษัทฯ เพื่อโฆษณาซึ่งลูกค้าในประเทศไทยอาจใช้บริการเปิดข้อมูลเว็บไซต์จากการโฆษณานั้นได้จึงไม่เข้าลักษณะเป็นการให้บริการในราชอาณาจักรแก่ผู้รับบริการในต่างประเทศและได้ส่งผลของการให้บริการนั้นไปใช้ในต่างประเทศทั้งหมดแต่ถือเป็นการให้บริการที่กระทำในราชอาณาจักรซึ่งอยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7.0 ตามมาตรา 80 แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับข้อ 2(1) ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 105)ฯ ลงวันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2543


ต้องการดูจดหมายตอบข้อหารือกรมสรรพากรฉบับเต็ม คลิกลิงก์ได้เลย ครับ


วันเสาร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ตั้งแต่ 1 มิย 59 นิติบุคคลที่จ่ายค่าเช่าสัญญาเช่าทรัพย์สิน แบบลีสซิ่ง เมื่อจ่ายค่าเช่าต้องหัก ร้อยละ 5


อ้างอิงข้อกฎหมาย

ยกเลิก การยกเว้น(ภาษากฎหมาย "ยกเลิก การยกเว้น" = ไม่ยกเว้น)การหัก ณ ที่จ่ายสำหรับค่าเช่าทรัพย์สินแบบลิสซิ่ง ตั้งแต่ 1 มิถุนายน 2559 เป็นต้นไป
(คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.๒๕๙/๒๕๕๒ เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา ๔๐ แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ลงวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๙)

เพื่อให้เข้าใจง่าย

ขอนำภาพประกอบที่จัดทำโดย 
สมาคมผู้สอบบัญชี ภาษีอากรแห่งประเทศไทย มาแสดงเพื่อความชัดเจน ครับ


วันอาทิตย์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2559

สรุป พรก.นิรโทษกรรมตรวจภาษีย้อนหลัง 2558

สรุปพระราชกําหนดยกเว้นและสนับสนุนการปฏิบัติการเกี่ยวกับภาษีอากรตามประมวลรัษฎากรพ.ศ. ๒๕๕๘

สิทธิประโยชน์ที่ได้รับ

ยกเว้นจากการตรวจสอบ ไต่สวน ประเมินหรือสั่งให้เสียภาษีอากร และความผิดทางอาญาตามประมวลรัษฎากร (ภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ อากรแสตมป์ )สําหรับรายได้ที่เกิดขึ้นในรอบระยะเวลาบัญชีที่มีวันเริ่มต้นก่อนวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙ หรือมูลค่าของฐานภาษี รายรับ หรือการกระทําตราสารที่เกิดขึ้นก่อนวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙

คุณสมบัติของผู้มีสิทธิ

1.เป็นบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล

2.มีรายได้ในรอบระยะเวลาบัญชี 12 เดือนก่อนหรือในวันที่ 31 ธันวาคม  2558 ไม่เกิน 500 ล้านบาท

เงื่อนไขที่ไม่สามารถใช้สิทธิ์ตามประกาศได้

1.บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลอยู่ระหว่างการตรวจสอบภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร โดยมีหมายเรียกที่ออกก่อนวันที่พระราชกําหนดนี้ใช้บังคับ

2.บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลอยู่ระหว่างการตรวจสอบของเจ้าพนักงานประเมินตามมาตรา ๘๘/๓ แห่งประมวลรัษฎากร ที่ดําเนินการก่อนวันที่พระราชกําหนดนี้ใช้บังคับ

3.บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเป็นผู้ออกใบกํากับภาษีปลอมหรือเป็นผู้ใช้ใบกํากับภาษีปลอม หรือบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลกระทําการหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร โดยแสดงรายจ่ายอันเป็นเท็จต่อกรมสรรพากร

4.บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลอยู่ในระหว่างการดําเนินคดีในชั้นพนักงานสอบสวนชั้นพนักงานอัยการ หรือชั้นศาล

การได้รับยกเว้นตามวรรคหนึ่ง จะต้องปรากฏด้วยว่า เจ้าพนักงานประเมินยังไม่ได้เริ่มดําเนินการประเมินหรือสั่งให้เสียภาษีอากร หรือยังไม่ได้ดําเนินคดีในความผิดเกี่ยวกับภาษีอากรนั้น ๆ

ข้อพึงปฎิบัติเมื่อประสงค์จะใช้สิทธิ์ ตามพรก.ฉบับนี้

1.ทําการจดแจ้งต่อกรมสรรพากร ว่าเป็นผู้ได้รับยกเว้นตามพระราชกําหนดนี้ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และภายในเวลาที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกําหนด

2.ยื่นแบบแสดงรายการภาษีตามข้างล่างหลังวันที่ 1 มกราคม 2559 ของบริษัท หรือ ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเงิน พร้อมชำระภาษี ตามแต่กรณีที่มี
         2.1 แบบภาษีเงินได้ เช่น ภาษีหัก ณ ที่จ่าย (ภงด 1 2 3 และ 53) ภาษีเงินได้นิติบุคคล (ภงด 50 และ 51)
       2.2 แบบภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ แล้วแต่กรณี
2.3 ยื่นแบบการเสียภาษีอากรแสตมป์เป็นตัวเงิน แล้วแต่กรณี

3. มีการจัดทําบัญชีและงบการเงินให้สอดคล้องกับสภาพที่แท้จริงของกิจการตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙ เป็นต้นไป

4.ไม่กระทําการใด ๆ ที่เป็นการหลีกเลี่ยงภาษีอากร นับแต่วันที่พระราชกําหนดนี้ใช้บังคับพ.ศ. ๒๕๕๙ เป็นต้นไป

กรมสรรพากรสงวนสิทธิ์ในการเพิกถอนสิทธิ์ที่ให้กรณีดังนี้

1.ไม่ปฎิบัติตามข้อพึงปฎิบัติ ข้างต้น

2.หลังจากเพิกถอนสิทธิ์ กรมสรรพากรสามารถเข้าตรวจสอบภาษีย้อนหลังได้ตามปรกติ

สรุปใครเหมาะกับ พรก.ฉบับนี้ 

1.นิติบุคคลที่ ประสงค์จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

2.นิติบุคคลที่มีเจตนาจะเสียภาษีให้ถูกต้องหลังจากนี้ 1 มกราคม 2559 เป็นต้นไป

กรณีต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ควรอ่านประกาศฉบับเต็ม และประกาศเพิ่มเติมของอธิบดีกรมสรรพากร

วันอังคารที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ภาระภาษีกรณีขนส่งสินค้า VS การให้บริการส่งสินค้าเพื่อมุ่งความสำเร็จของงาน

สรุปความเห็นส่วนตัวจากจดหมายตอบข้อหารือ:-

1.สัญญาขนส่งสินค้า คือการดำเนินการขนส่งสินค้าจากที่หนึ่งไปยังอีกแห่งหนึ่งโดยไม่มีการให้บริการใดเพิ่มเติม ถือเป็นการให้บริการขนส่ง ตามมาตรา ๖๐๘ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เข้าลักษณะเป็นการให้บริการขนส่งในราชอาณาจักร ไม่เข้าลักษณะเป็นสัญญาจ้างทำของตามมาตรา ๕๘๗ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ 

ภาระภาษี
อากรแสตมป์  ----> สัญญาขนส่งไม่ต้องติดอากรแสตมป์
ภาษีมูลค่าเพิ่ม----> ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม
ภาษีถูกหัก ณ ที่จ่าย ----> ร้อยละ 1จากรายรับ

2.สัญญาจ้างทำของ คือ การกระทำที่มุ่งถึงผลสำเร็จของงานมากกว่าการให้บริการขนส่ง เข้าลักษณะเป็นสัญญาจ้างทำของตามมาตรา ๕๘๗ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

ภาระภาษี
อากรแสตมป์  ----> สัญญาจ้างทำของ ตามมาตรา ๕๘๗ แห่งประมวลกฎหมาย                                   แพ่งและพาณิชย์ ผู้รับจ้างมีหน้าที่ต้องเสียอากรแสตมป์ 
ภาษีมูลค่าเพิ่ม----> ภาระภาษีมูลค่าเพิ่ม
ภาษีถูกหัก ณ ที่จ่าย ----> ร้อยละ 3 จากรายรับ

เลขที่หนังสือ: 0702/6433
วันที่: 9 กรกฎาคม 2558
เรื่อง: อากรแสตมป์ กรณีสัญญาขนส่งสินค้า
ข้อกฎหมาย: ลักษณะแห่งตราสาร ๔. และ 6 แห่งบัญชีอัตราอากรแสตมป์
ข้อหารือ          บริษัท ก. จำกัด หารือปัญหาอากรแสตมป์ กรณีสัญญาขนส่งสินค้า ดังนี้
          ๑.หากเป็นสัญญาขนส่งสินค้า โดยผู้รับจ้างขนส่งสินค้าของผู้ว่าจ้างจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง สัญญาต้องเสียอากรแสตมป์หรือไม่ อย่างไร
          ๒.หากเป็นสัญญาขนส่งสินค้า โดยผู้รับจ้างต้องมีรถยกเพื่อขนสินค้าของผู้ว่าจ้างจากคลังสินค้าเรียงขึ้นรถบรรทุก รวมถึงผู้รับจ้างจัดให้มีกรรมกรประจำรถอย่างน้อย ๑ คน เพื่อขนสินค้าลงเรียงกองเก็บ ณ หน่วยงานลูกค้าของผู้ว่าจ้าง และ/หรือหน่วยรับสินค้าปลายทางตามข้อตกลงที่ได้ตกลงกันไว้ กรณีขนขึ้นอาคารให้ขนขึ้นได้ถึงชั้นที่ ๒ หากเกินนั้นให้ผู้รับจ้างแจ้งให้ผู้ว่าจ้างทราบเพื่อตกลงค่าจ้างเป็นครั้งคราวโดยไม่ชักช้า สัญญานี้ต้องเสียอากรแสตมป์หรือไม่ อย่างไร
แนววินิจฉัย          ๑.กรณีตาม ๑. หากเป็นสัญญาขนส่งสินค้า ซึ่งมีการดำเนินการขนส่งสินค้าจากที่หนึ่งไปยังอีกแห่งหนึ่งโดยไม่มีการให้บริการใดเพิ่มเติม ถือเป็นการให้บริการขนส่ง ตามมาตรา ๖๐๘ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เข้าลักษณะเป็นการให้บริการขนส่งในราชอาณาจักร ไม่เข้าลักษณะเป็นสัญญาจ้างทำของตามมาตรา ๕๘๗ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ผู้รับจ้างขนส่งจึงไม่มีหน้าที่เสียอากรแสตมป์ ตามลักษณะแห่งตราสาร ๔. แห่งบัญชีอัตราอากรแสตมป์ แต่อย่างไรก็ดี กรณีผู้รับจ้างขนส่งมีการออกใบรับของซึ่งออกให้เนื่องจากกิจการรับขนสินค้าและลงลายมือชื่อพนักงานหรือนายสินค้าของยานพาหนะรับขนส่ง ซึ่งออกรับของดังระบุไว้ในใบรับนั้นเมื่อไม่ได้ออกบิลออฟเลดิง ผู้ออกใบรับของดังกล่าวจะต้องเสียอากรแสตมป์ฉบับละ ๑ บาท ามลักษณะแห่งตราสาร ๑๖. ใบรับของ แห่งบัญชีอัตราอากรแสตมป์
          ๒.กรณีตาม ๒. หากเป็นสัญญาขนส่งสินค้า โดยผู้รับจ้างต้องมีรถยกเพื่อขนสินค้าของผู้ว่าจ้างจากคลังสินค้าเรียงขึ้นรถบรรทุก รวมถึงผู้รับจ้างจัดให้มีกรรมกรประจำรถอย่างน้อย ๑ คน เพื่อขนสินค้าลงเรียงกองเก็บ ณ หน่วยงานลูกค้าของผู้ว่าจ้าง และ/หรือหน่วยรับสินค้าปลายทาง หากเป็นบริการที่มุ่งผลสำเร็จของงาน เข้าลักษณะเป็นสัญญาจ้างทำของ ตามมาตรา ๕๘๗ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ผู้รับจ้างมีหน้าที่ต้องเสียอากรแสตมป์ ๑ บาท ทุกจำนวนเงิน ๑,๐๐๐ บาท หรือเศษของ ๑,๐๐๐ บาท แห่งสินจ้างที่กำหนดไว้ในสัญญาจ้างทำของ ทั้งนี้ ตามลักษณะแห่งตราสาร ๔. จ้างทำของ แห่งบัญชีอัตราอากรแสตมป์
เลขตู้
: 78/39770

เลขที่หนังสือ: 0702/6801
วันที่: 22 กรกฎาคม 2558
เรื่อง: ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย และภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีกิจการขนส่งสินค้าโดยรถควบคุมอุณหภูมิ
ข้อกฎหมาย: มาตรา 77/1(10) และมาตรา 77/2(1) แห่งประมวลรัษฎากร
ข้อหารือ          บริษัท A จำกัด ประกอบกิจการรับจ้างขนส่งสินค้าประเภทอาหาร เช่น อาหารสำเร็จรูปแช่แข็ง เนื้อสัตว์แช่แข็ง ผลิตภัณฑ์นม ขนมปังแซนวิช ไอศครีม เป็นต้น และต้องใช้รถขนส่งที่ต้องควบคุมอุณหภูมิตลอดเส้นทางการขนส่งและต้องเก็บรักษาในคลังสินค้าควบคุมอุณหภูมิเท่านั้นเพื่อให้สินค้าคงสภาพสดไม่เน่าเสีย โดยลักษณะการให้บริการของบริษัทฯ คือ

          ๑.บริการคลังสินค้าควบคุมอุณหภูมิ (Cold Storage Service) พร้อมกระจายสินค้าในลักษณะบริการครบวงจร (Total Solution) สำหรับเก็บรักษาสินค้าประเภทอาหารสด อาหารแช่แข็ง โดยรักษาอุณหภูมิให้ได้ตามมาตรฐาน GMP ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลในการควบคุมการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับอาหาร โดยบริษัทฯ รับสินค้าจากลูกค้าโดยรถควบคุมอุณหภูมิซึ่งติดตั้งอุปกรณ์บันทึกอุณหภูมิระหว่างขนส่ง (Temperature Tracking) ให้เหมาะสมกับสภาพสินค้าแต่ละประเภท และมีระบบติดตามการเคลื่อนที่ (Real - time GPS) เพื่อให้สามารถกระจายสินค้าได้ตรงเวลา และควบคุมความเร็วในการขับขี่เพื่อความปลอดภัย บริษัทฯ จะนำสินค้าของลูกค้ามาเก็บรักษาไว้ในคลังสินค้าควบคุมอุณหภูมิของบริษัทฯ (อุณหภูมิอยู่ในช่วง ๒๕ องศาเซลเซียส ถึง ๕ องศาเซลเซียส ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิของสินค้าที่ลูกค้าแจ้ง) โดยในช่วงการขนถ่ายสินค้าลงจากรถเพื่อเก็บเข้าคลังสินค้า บริษัทฯ มีระบบ Air Shelter เพื่อป้องกันไม่ให้อากาศภายนอกเข้ามาภายในรถและคลังสินค้าซึ่งจะมีผลต่อการควบคุมอุณหภูมิและทำให้สินค้าเน่าเสียได้ บริษัทฯ มีหน้าที่จัดเรียงสินค้าในคลังสินค้า ติดฉลากสินค้า รวมถึงการจัดการบรรจุภัณฑ์ (Repacking)เช่นแบ่งบรรจุ หรือเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ด้วย และกระจายสินค้าโดยรถควบคุมอุณหภูมิไปยังปลายทางตามที่ลูกค้ากำหนด โดยบริษัทฯ จะทำสัญญากับลูกค้าเป็นสัญญาให้บริการซึ่งตามสัญญาจะกำหนดให้บริษัทฯ มีหน้าที่กระจายสินค้า เก็บรักษาสินค้าในคลังสินค้าควบคุมอุณหภูมิ และบริหารจัดการคลังสินค้า หากบริษัทฯ ทำให้สินค้าสูญหายหรือเสียหายเนื่องจากการปฏิบัติงาน เช่นอุณหภูมิไม่ได้ตามที่ลูกค้าต้องการ ลูกค้ามีสิทธิปฏิเสธสินค้าและบริษัทฯ ต้องรับผิดชอบค่าเสียหายดังกล่าว

          ๒.บริการกระจายสินค้าโดยรถควบคุมอุณหภูมิ สำหรับสินค้าที่จำเป็นต้องเก็บรักษาในอุณหภูมิที่กำหนด เช่น อาหารสด อาหารแช่แข็ง ผลิตภัณฑ์นม ที่ต้องเก็บรักษาในอุณหภูมิตามมาตรฐาน GMP ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลในการควบคุมการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับอาหาร บริษัทฯ ต้องตรวจสอบคุณภาพบรรจุภัณฑ์สินค้า ควบคุมคุณภาพและสุขอนามัยอย่างเคร่งครัด เนื่องจากวัตถุประสงค์หลักของการให้บริการและความต้องการของลูกค้า คือ การรักษาสินค้าให้คงสภาพสด ไม่เน่าเสีย ตลอดระยะเวลาที่กระจายสินค้า การให้บริการจึงต้องดำเนินการโดยใช้รถควบคุมอุณหภูมิตลอดเส้นทางเท่านั้น และรถควบคุมอุณหภูมิต้องติดตั้งอุปกรณ์บันทึกอุณหภูมิระหว่างกระจายสินค้า (Temperature Tracking) อุปกรณ์ป้องกันความเสียหายของสินค้า และระบบติดตามการเคลื่อนที่ (Real - time GPS) เพื่อความปลอดภัยของสินค้าดังกล่าว โดยบริษัทฯ จัดเตรียมอุณหภูมิในรถบรรทุกให้ได้อุณหภูมิตามที่ลูกค้าต้องการก่อนไปรับสินค้า (Pre cool) ซึ่งก่อนที่จะนำสินค้าขึ้นรถพนักงานจะต้องตรวจสอบอุณหภูมิในรถและอุณหภูมิสินค้าอีกครั้งว่าได้อุณหภูมิตามที่กำหนดหรือไม่ หากสินค้ายังไม่ได้อุณหภูมิตามที่กำหนดพนักงานห้ามนำสินค้าขึ้นรถโดยเด็ดขาดเพราะอาจทำให้สินค้าเน่าเสียได้ หลังจากตรวจสอบอุณหภูมิแล้วพนักงานขับรถและพนักงานติดรถมีหน้าที่นำสินค้าขึ้นรถ และในระหว่างกระจายสินค้า บริษัทฯ ต้องควบคุมอุณหภูมิให้คงที่ตามช่วงอุณหภูมิที่หมาะสมกับสินค้าด้วย เพราะหากสินค้าเน่าเสียระหว่างการเดินทางลูกค้ามีสิทธิปฏิเสธไม่รับสินค้าและบริษัทฯ ต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายดังกล่าว ในระหว่างกระจายสินค้าบริษัทฯ จะติดตามการกระจายสินค้าและควบคุมความเร็วในการขับขี่ (Real - time GPS) และอุณหภูมิ (Temperature Tracking) ว่าตรงตามเกณฑ์ที่กำหนดหรือไม่ เมื่อบริษัทฯ กระจายสินค้าไปยังปลายทางตามที่กำหนดพนักงานขับรถและพนักงานติดรถมีหน้าที่นำสินค้าลงจากรถและจัดเรียงให้เรียบร้อย บริษัทฯ มีหน้าที่จัดทำรายงานสรุปผลการกระจายสินค้าให้แก่ลูกค้าด้วย

          ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายในการติดตั้งอุปกรณ์ตามข้อ ๑ และ ๒ ดังกล่าวเป็นของบริษัทฯ โดยบริษัทฯ เรียกเก็บค่าจ้างจากเจ้าของสินค้าเป็นจำนวนเงินต่อเที่ยว ซึ่งขึ้นกับน้ำหนัก ปริมาณ ชนิดของสินค้า ตลอดจนระยะทางขนส่ง และหากบริษัทฯ ทำให้สินค้าเน่าเสียระหว่างขนส่ง บริษัทฯ ต้องจ่ายค่าปรับให้กับลูกค้าด้วย บริษัทฯ เข้าใจว่า การประกอบกิจการรับขนส่งอาหารสด โดยรถควบคุมอุณหภูมิเป็นการให้บริการที่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มและถูกหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ในอัตราร้อยละ ๓.๐ เนื่องจากบริษัทฯ ให้บริการขนส่งแก่ลูกค้า โดยมุ่งผลสำเร็จของงานมากกว่าการขนส่งสินค้าจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง จึงขอทราบว่า ความเข้าใจของบริษัทฯ ถูกต้องหรือไม่

แนววินิจฉัย

        กรณีบริษัทฯ ประกอบกิจการรับจ้างขนส่งสินค้าประเภทอาหาร เช่น อาหารสำเร็จรูปแช่แข็ง เนื้อสัตว์แช่แข็ง ผลิตภัณฑ์นม ขนมปังแซนวิช ไอศครีม น้ำผลไม้ เป็นต้น โดยการดำเนินการดังกล่าว บริษัทฯ จัดเตรียมอุณหภูมิในรถบรรทุกให้ได้อุณหภูมิตามที่ลูกค้าต้องการก่อนไปรับสินค้า (Pre cool) บริษัทฯ ต้องใช้รถบรรทุกที่ติดตั้งเครื่องทำความเย็น และเครื่องควบคุมอุณหภูมิให้คงที่ตามช่วงอุณหภูมิที่ลูกค้า (เจ้าของสินค้า) กำหนด เพื่อรักษาอุณหภูมิให้เหมาะสมกับสภาพสินค้าแต่ละประเภท บริษัทฯ จะติดตามการกระจายสินค้าและควบคุมความเร็วในการขับขี่โดยติดตั้งอุปกรณ์บันทึกอุณหภูมิระหว่างการขนส่ง (Temperature Tracking) อุปกรณ์ป้องกันความเสียหายของสินค้า และระบบติดตามการเคลื่อนที่ (Real - time GPS) และอุปกรณ์อื่นๆ ที่จำเป็นตามที่ลูกค้ากำหนด เพื่อป้องกันความเสียหายของสินค้า ซึ่งลูกค้าสามารถเข้าตรวจสอบการรักษาอุณหภูมิระหว่างขนส่งได้ เมื่อบริษัทฯ กระจายสินค้าไปยังปลายทางตามที่กำหนดแล้วมีหน้าที่ต้องทำรายงานสรุปผลการกระจายสินค้าให้แก่ลูกค้า พนักงานขับรถและพนักงานติดรถมีหน้าที่นำสินค้าลงจากรถและจัดเรียงให้เรียบร้อย บริษัทฯ มีหน้าที่จัดทำรายงานสรุปผลการกระจายสินค้าให้แก่ลูกค้าด้วย และบริษัทฯ มีหน้าที่จัดเรียงสินค้าในคลังสินค้า ติดฉลากสินค้า รวมถึงการจัดการบรรจุภัณฑ์ (Repacking) และกระจายสินค้าโดยรถควบคุมอุณหภูมิไปยังปลายทางตามที่ลูกค้ากำหนด โดยบริษัทฯ จะเรียกเก็บค่าจ้างจากเจ้าของสินค้าเป็นจำนวนเงินต่อเที่ยวซึ่งขึ้นกับน้ำหนัก ปริมาณ ชนิดของสินค้า ตลอดจนระยะทางขนส่ง และหากสินค้าเน่าเสียระหว่างขนส่งบริษัทฯ ต้องจ่ายค่าปรับให้กับลูกค้า การให้บริการขนสินค้าโดยใช้รถยนต์ที่มีห้องควบคุมอุณภูมิดังกล่าว จึงเป็นการกระทำที่มุ่งถึงผลสำเร็จของงานมากกว่าการให้บริการขนส่ง เข้าลักษณะเป็นสัญญาจ้างทำของตามมาตรา ๕๘๗ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา ๗๗/๑ (๑๐) และมาตรา ๗๗/๒ (๑) แห่งประมวลรัษฎากรและผู้จ่ายค่าบริการซึ่งเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลมีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย โดยคำนวณหักไว้ในอัตราร้อยละ ๓.๐ ตามข้อ ๘ (๒) ของคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป. ๔/๒๕๒๘ เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา ๔๐ แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ลงวันที่ ๒๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๒๘

เลขตู้

: 78/39796







วันพฤหัสบดีที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ภาระภาษีเงินประกันและเงินมัดจำ สำหรับกิจการรับเหมาก่อสร้าง รับจ้างผลิดเครื่องจักร

กรมสรรพากรได้วางแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับการให้บริการเช่าทรัพย์สินที่ได้มีการเรียกเก็บเงินประกันเงินมัดจำ หรือเงินจอง หรือเงินอื่นที่เรียกเก็บในลักษณะทำนองเดียวกัน ตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป.73/2541 เรื่องการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับการเรียกเก็บเงินจ่ายล่วงหน้า เงินประกัน เงินมัดจำ หรือเงินจอง ลงวันที่ 30 มิถุนายน2541 โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ลงในคำสั่งดังกล่าวเป็นต้นไปและให้เป็นอันยกเลิก บรรดาระเบียบ ข้อบังคับ คำสั่ง แนวทางปฏิบัติ หรือคำวินิจฉัยใดที่ขัดหรือแย้งกับคำสั่งฉบับดังกล่าว แนวทางปฏิบัติดังกล่าวมีผลกระทบต่อ การรับรู้รายได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ประกอบกิจการให้บริการเช่าทรัพย์สินที่ได้มีการเรียกเก็บเงินประกัน เงินมัดจำ หรือเงินจอง หรือเงินอื่นที่เรียกเก็บในลักษณะทำนองเดียวกัน

อย่างไรก็ตามต่อมากรมสรรพากรได้ออกคำสั่งกรมสรรพากรที่ท.ป.155/2549 ลงวันที่12 กันยายน2549 เพื่อแก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งกรมสรรพากรที่ท.ป.1/2528 โดยให้มีผลสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มหรือหลังวันที่1 มกราคม2550 เป็นต้นไปเป็นผลให้แนวปฏิบัติตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป.73/2541 ในส่วนที่เป็นเงินประกันหรือเงินมัดจำสำหรับกิจการให้เช่าทรัพย์สินหรือกิจการให้บริการถูกยกเลิกไปโดยปริยาย แต่ยังคงต้องพิจารณาผลกระทบที่เกิดขึ้นจากปฏิบัติตามเงื่อนไขในคำสั่งที่ ป.73/2541 อยู่ต่อไปจึงขอนำมาเป็นประเด็นปุจฉา - วิสัชนาดังนี้

ปุจฉามีหลักเกณฑ์เกี่ยวกับเงินประกัน หรือเงินมัดจำสำหรับกิจการรับเหมาก่อสร้างอย่างไร              

วิสัชนาคำสั่งกรมสรรพากรที่ป.73/2541 ไม่มีผลกระทบต่อกรณีการให้บริการรับเหมาก่อสร้างแต่อย่างใดเนื่องจากการประกอบกิจการรับเหมาก่อสร้างมีข้อกำหนดเกี่ยวกับการรับรู้รายได้เป็นการชัดเจนตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป.1/2528แล้วดังนั้นกรณีการให้บริการรับเหมาก่อสร้างที่ได้มีการเก็บเงินจ่ายล่วงหน้าจากผู้ว่าจ้าง โดยมีข้อตกลงต้องคืนเงินดังกล่าวให้ผู้ว่าจ้าง โดยยอมให้ผู้ว่าจ้างหักเงินดังกล่าวออกจากเงินค่างานที่ผู้รับจ้างจะได้รับในแต่ละงวด เพื่อชดเชยกับเงินจ่ายล่วงหน้าที่รับไปจนกว่าจะครบถ้วน พร้อมทั้งหักเงินค่าประกันผลงาน ให้เจ้าพนักงานสรรพากรถือเป็นแนวทางปฏิบัติในการตรวจและแนะนำเกี่ยวกับการเสียภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับการขายสินค้า หรือการให้บริการที่ได้มีการเรียกเก็บเงินจ่ายล่วงหน้า เงินประกัน เงินมัดจำ หรือเงินจอง หรือเงินอื่นที่เรียกเก็บในลักษณะทำนองเดียวกัน ผู้รับจ้างไว้อีกส่วนหนึ่ง และจะคืนเงินประกันผลงานให้แก่ผู้รับจ้างเมื่อหมดระยะเวลาประกันผลงาน จึงมีภาระภาษีดังนี้

1. เงินจ่ายล่วงหน้า (Advance Payment)

 (1) ผู้รับจ้างจะต้องนำเงินจ่ายล่วงหน้ามารวมคำนวณเป็นรายได้เพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ตามมาตรา 65 แห่งประมวลรัษฎากรประกอบกับข้อ 3.6 แห่งคำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป.1/2528 เรื่องการใช้เกณฑ์สิทธิในการคำนวณรายได้และรายจ่ายของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ลงวันที่ 28 สิงหาคม2528

 (2) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลผู้ว่าจ้างเมื่อจ่ายเงินล่วงหน้ามีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ในอัตราร้อยละ 3.0ของเงินล่วงหน้าตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ท.ป. 4/2528 เรื่องสั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมิน ตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากรมีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 26 กันยายน2528 เมื่อมีการจ่ายค่างวดงานแต่ละงวดให้แก่ผู้รับจ้างผู้ว่าจ้างมีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ในอัตราร้อยละ 3.0 ของเงินค่างวดงานหลังหักเงินจ่ายล่วงหน้าในแต่ละงวดออกแล้ว

 (3) ผู้รับจ้างต้องนำเงินจ่ายล่วงหน้ามารวมคำนวณเป็นมูลค่าของฐานภาษีตามมาตรา 79 แห่งประมวลรัษฎากรโดยถือว่าความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มจากการให้บริการเกิดขึ้นในขณะได้รับชำระเงินดังกล่าว ตามมาตรา 78/1(1) แห่งประมวลรัษฎากร

2. เงินประกันผลงาน (Retention)

 (1) เงินประกันผลงานที่ผู้รับจ้างมีหน้าที่ต้องจ่ายให้แก่ผู้ว่าจ้างตามจำนวนที่ตกลงในสัญญาโดยยินยอมให้ผู้ว่าจ้างหักเงินดังกล่าวจากเงินค่าจ้างในแต่ละงวด เพื่อเป็นประกันผลงานนั้น เมื่อผู้ว่าจ้างจ่ายเงินค่าจ้างแต่ละงวดให้ผู้รับจ้างโดยหักเงินประกันผลงานดังกล่าว กรณีนี้จึงถือเป็นรายได้ของผู้รับจ้างเต็มจำนวนมูลค่าของงานที่แล้วเสร็จในแต่ละงวดและเมื่อผู้ว่าจ้างจ่ายคืนเงินประกันผลให้แก่ผู้รับจ้าง ผู้ว่าจ้างไม่มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายอีก

 (2) ผู้รับจ้างต้องนำเงินประกันผลงานที่ถูกผู้ว่าจ้างหักจากเงินค่าจ้างแต่ละงวดมารวมคำนวณเป็นมูลค่าของฐานภาษีตามมาตรา 79 แห่งประมวลรัษฎากรโดยถือว่าความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มจากการให้บริการเกิดขึ้นในขณะที่ได้รับเงินค่าจ้างแต่ละงวด ตามมาตรา 78/1 (1) แห่งประมวลรัษฎากรเมื่อมีการจ่ายเงินประกันผลงานคืนให้แก่ผู้รับจ้าง ผู้รับจ้างไม่ต้องนำเงินประกันผลงานดังกล่าวมาเสียภาษีมูลค่าเพิ่มอีก อนึ่ง กรณีการให้บริการรับจ้างทำของอย่างอื่น นอกจากการให้บริการรับเหมาก่อสร้างและได้มีการเรียกเก็บเงินจ่ายล่วงหน้า และเงินประกันผลงาน ให้ถือปฏิบัติทำนองเดียวกับการให้บริการรับเหมาก่อสร้างดังกล่าว

วันอังคารที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ภาษีเกี่ยวกับการจ้างผลิต brand sticker line ผู้รับทำเป็นบริษัทในประเทศญี่ปุ่นและเกาหลี โดยผู้สั่งทำมีกิจการอยู่ในไทย ภาษีที่เราต้องรับผิดชอบหรือเกี่ยวข้องมีอะไรบ้างคะ และอัตราเท่าไร

สำนักงานบัญชีไม่มีความเกี่ยวข้องใดกับอาจารย์สุเทพ พงษ์พิทักษ์ทั้งสิ้น
เป็นการนำมาแสดงประกอบข้อกฏหมายอ้างอิง 
เพื่อใช้เป็นแนวปฏิบัติตามประมวลรัษฎากรโดยมีหลักกฎหมายอ้างอิงเท่านั้น

ที่มา Fanpages :- สุเทพ พงษ์พิทักษ์

คุณ Nufon Nichaphat ได้เขียนไปในไทม์ไลน์ “สุเทพ พงษ์พิทักษ์” เมื่อ 3 เมษายน 2557 เวลา 11:01 น. บริเวณ Makkasan ว่า
“อาจารย์คะ
ขอคำปรึกษาเรื่องภาษีเกี่ยวกับการจ้างผลิต brand sticker line ผู้รับทำเป็นบริษัทในประเทศญี่ปุ่นและเกาหลี โดยผู้สั่งทำมีกิจการอยู่ในไทย ภาษีที่เราต้องรับผิดชอบหรือเกี่ยวข้องมีอะไรบ้างคะ และอัตราเท่าไร และจะแตกต่างกันหรือไม่ระหว่างเราติดต่อผ่านตัวแทนนายหน้าในไทยกับการสั่งตรงยังบริษัทรับทำในต่างประเทศ”

เรียน คุณ Nufon Nichaphat
LINE Messenger Chat Application เป็นของ NHN Corporation ผู้เป็นเจ้าของเว็บไซต์ Search Engine และ เว็บ Portal ที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นและเกาหลี Naver.co.kr Naver.co.jp ที่แม้แต่ Google เองยังไม่สามารถเอาชนะได้ NHN Corp มีสาขาทั้งในประเทศเกาหลีใต้และในประเทศญี่ปุ่น โดยธุรกิจหลักคือการขายโฆษณาบนผ่าน Search Engine และการทำเงินผ่าน Game Portal ที่ชื่อว่า Hangame เว็บไซต์เกมพอทัลที่มีสมาชิกมากกว่า 20 ล้านสมาชิก และเป็นเว็บไซต์เกมส์ส่งออกชื่อดังที่คนไทยหลายคนได้เคยติดกันงอมมาแล้ว ทั้งเกมประเภท MMORPG และ Casual Game
LINE Messenger Chat เป็นเพียงหนึ่งในบริการของทาง NHN Corp. เปิดตัวครั้งแรกเมื่อเดือนมิถุนายน 2011 ในประเทศญี่ปุ่น ประสบความสำเร็จด้วยการเป็นแอพพลิเคชั่นอันดับ 1 ของประเทศญี่ปุ่นในเวลาเพียง 1 เดือน ทำให้ผู้บริหารของทาง NHN ต้องหันมาใส่ใจเป็นพิเศษและมองหาช่องทางการทำเงินโดยเร็ว ปัจจุบัน LINE ได้ถูกดาวน์โหลดไปใช้งานแล้วกว่า 70 ล้านดาวน์โหลดทั่วโลก ซึ่งรวมการดาวน์โหลดของทุกแพลตฟอร์ม ทั้ง โทรศัพท์มือถือ แทบเบล็ต พีซี ซึ่ง LINE สนับสนุนการใช้งานทั้ง iOS, Android, Windows Phone และ BlackBerry และเปิดให้บริการกว่า 230 ประเทศทั่วโลก และเป็นแอพพลิเคชั่นที่ Rank อันดับ 1 ของ 24 ประเทศ ซึ่งรวมประเทศไทยในนั้นด้วย
หลังจากความสำเร็จของ LINE Messenger Chat NHN ยังต่อยอดแอพพลิเคชั่นอื่นๆ ให้กับ LINE อีกเช่น LINE Camera, LINE Brush, LINE Card และ LINE Birzzle และล่าสุด เมื่อสัปดาห์ก่อน NHN ได้เปิดตัวเกมใหม่ 3 เกมที่มาพร้อมกับสติ๊กเกอร์ให้เราได้ดาวน์โหลดกัน คือ LINE Pop, LINE Cartoon Wars และ LINE Patapoko Animal
ฟีเจอร์การใช้งานของ LINE นั้นไม่ได้แตกต่างจาก What’s App, MSN Messenger หรือ WeChat ที่ให้เราได้ Chat ตรงกับผู้ใช้ LINE ด้วยกัน ด้วยการส่งข้อความ การสร้างกรุ๊ป Chat และการแชร์ภาพ วิดีโอ เสียง ระหว่างการสนทนา แต่จุดเด่นของ LINE คือ Voice Call ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่สามารถให้เราใช้แทนโทรศัพท์ได้ ทั้งในและต่างประเทศโดยไม่เสียเงิน อย่างไรก็ตาม Voice Call ก็ยังสู้ไม่ได้กับ Sticker ที่ผู้ใช้งานดูเหมือนจะเลิฟมากที่สุด คือ สติ๊กเกอร์ที่เราใช้แสดงอารมณ์ผ่านการพูดคุย และด้วยความน่ารัก จึงทำให้การแชทผ่าน LINE มีเอกลักษณ์และเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ


ต่อข้อถาม ขอเรียนว่า



1. ภาษีที่ผู้สั่งทำซึ่งประกอบกิจการในประเทศไทยต้องรับผิดชอบหรือเกี่ยวข้อง สำหรับการจ้างผลิต brand sticker line กับผู้รับทำเป็นบริษัทในประเทศญี่ปุ่นและเกาหลี
(1) กรณีภาษีเงินได้นิติบุคคล เนื่องจากการจัดทำ brand sticker line เป็นการทำด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ซึ่งถือเป็น “งานวรรณกรรม” ตามกฎหมายลิขสิทธิ์ เข้าลักษณะเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (3) แห่งประมวลรัษฎากร แม้ผู้รับทำจะเป็นบริษัทที่ตั้งอยู่ในประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ซึ่งมีอนุสัญญาภาษีซ้อนกับประเทศไทย บริษัทฯ ผู้สั่งทำก็มีหน้าที่ต้องคำนวณหักภาษีเงินได้นิติบุคคล ณ ที่จ่ายตามมาตรา 70 แห่งประมวลรัษฎากร
- ตามข้อ 12 แห่งอนุสัญญาระหว่างประเทศไทยกับประเทศญี่ปุ่น เพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนและการป้องกันการเลี่ยงการรัษฎากร ในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเก็บจากเงินได้กำหนดให้คำนวณหักภาษีเงินได้นิติบุคคล ณ ที่จ่ายในอัตรา 15
- ตามข้อ 12 แห่งอนุสัญญาระหว่างประเทศไทยกับประเทศญี่ปุ่น เพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนและการป้องกันการเลี่ยงการรัษฎากร ในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเก็บจากเงินได้กำหนดให้คำนวณหักภาษีเงินได้นิติบุคคล ณ ที่จ่ายในอัตรา 5

(2) กรณีภาษีมูลค่าเพิ่ม การจัดทำ brand sticker line หากเป็นกรณีที่มีการโอนกรรมสิทธิ์ในซอฟท์แวร์หรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์โดยเด็ดขาด ถือเป็นการนำเข้าสินค้าที่ไม่มีรูปร่าง บริษัทฯ ผู้สั่งทำไม่มีหน้าที่ต้องนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม
2. ไม่มีประเด็นความแตกต่างทางภาษีอากร ระหว่างการติดต่อผ่านตัวแทนนายหน้าในไทยกับการสั่งตรงยังบริษัทรับทำในต่างประเทศ บริษัทฯ ผู้สั่งทำก็มีหน้าที่ต้องปฏิบัติทางภาษีอากรตามข้อ 1 เช่นเดียวกัน สำหรับประเด็นราคา และความสะดวกในการติดต่อสื่อสาร ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งต่างหาก

รูปประกอบที่มา : วารสารกรมสรรพากร เดือนสิงหาคม 57



วันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ให้เช่ารถตู้เพื่อนำเที่ยวต่างจังหวัด แต่มีคนขับไปด้วยค่าน้ำมันคนเช่าเป็นผู้จ่าย อันนี้จะเข้า ม. 40 (5) หรือ ม. 40 (8) ค่ะ

สำนักงานบัญชีไม่มีความเกี่ยวข้องใดกับอาจารย์สุเทพ พงษ์พิทักษ์ทั้งสิ้น
เป็นการนำมาแสดงประกอบข้อกฏหมายอ้างอิง 
เพื่อใช้เป็นแนวปฏิบัติตามประมวลรัษฎากรโดยมีหลักกฎหมายอ้างอิงเท่านั้น

ที่มา Fanpages :- สุเทพ พงษ์พิทักษ์

คุณ Montha Santiwittayanon (24 กันยายน 2558 เวลา 16:32 น.)
ปุจฉา: สวัสดีค่ะอาจารย์
หนูรบกวนขอถามอาจารย์ว่า เพื่อนให้เช่ารถตู้เพื่อนำเที่ยวต่างจังหวัด แต่มีคนขับไปด้วยค่าน้ำมันคนเช่าเป็นผู้จ่าย อันนี้จะเข้า ม. 40 (5) หรือ ม. 40 (8) ค่ะ
ขอบคุณค่ะ

สุเทพ พงษ์พิทักษ์
วิสัชนา:
กรณีมีรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งเกิน 10 ที่นั่งหรือรถตู้ “ให้เช่า” เพื่อนำเที่ยวต่างจังหวัด โดยมีคนขับไปด้วย ในส่วยของค่าน้ำมันผู้เช่าฯ เป็นผู้จ่าย นั้น ข้อเท็จจริงในการประกอบกิจการยังไม่เพียงพอที่จะวินิจฉัย นอกจาก พิจารณาไปตามตัวอักษร อาทิ ประเด็นการส่งมอบการครอบครองรถยนต์ ความรับผิดในความเสียหายต่อผู้โดยสารในระหว่างเวลาตามสัญญา จึงต้อง “มโน” เพิ่มเองดังนี้
1. กรณีเจ้าของรถยนต์โดยสารไม่มีการส่งมอบการครอบครองรถยนต์ของตน และต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อผู้โดยสารที่ตนนำพาไปนั้น โดยการทำประกันวินาศภัยรถยนต์และผู้โดยสารเอง มิใช่ผู้ขอใช้บริการเป็นผู้ทำประกันวินาศภัย เข้าลักษณะเป็นการประกอบกิจการให้บริการ “ขนส่ง” ถือเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (8) แห่งประมวลรัษฎากร สามารถหักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาได้ในอัตราร้อยละ 80 ของเงินได้พึงประเมิน

ในกรณีนี้ ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ก็ให้ถือเป็นส่วนหนึ่งของค่าบริการขนส่งด้วย
หากผู้รับนริการเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น ต้องคำนวณหักภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละ 1.0 ของเงินได้ตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป. 4/2528
การให้บริการขนส่งเป็นการให้บริการที่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม
สัญญารับจ้างขนส่ง ไม่อยู่ในบังคับที่ต้องปิดอากรแสตมป์

2. กรณีเจ้าของรถยนต์ “ให้เช่า” รถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งเกิน 10 คน ซึ่งองค์ประกอบตามสัญญาต้องมีการส่งมอบการครอบครองรถยนต์ดังกล่าว ระหว่างเวลาการเช่า และผู้เช่าเป็นผู้รับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้โดยสารหรือสัมภาระในระหว่างเวลาที่เข่า นั้น ถือเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (5)(ก) แห่งประมวลรัษฎากร สามารถหักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาได้ในอัตราร้อยละ 30 ของเงินได้พึงประเมิน
ในกรณีนี้ ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ไม่ถือเป็นส่วนหนึ่งของค่าบริการให้เช่าด้วย
หากผู้รับนริการเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น ต้องคำนวณหักภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละ 5.0 ของเงินได้ตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป. 4/2528
การให้บริการให้เช่ารถยนต์เป็นการให้บริการที่อยู่ในบังคับที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 77/2 (1) ประกอบกับมาตรา 77/1 (10) แห่งประมวลรัษฎากร
สัญญาให้บริการเช่ารถยนต์ ซึ่งเป็นสังหาริมทรัพย์ ไม่อยู่ในบังคับที่ต้องปิดอากรแสตมป์

3. กรณีเจ้าของรถยนต์ให้บริการ “นำเที่ยว” ได้แก่ การให้บริการขนส่งผสมกับการให้บริการนำเที่ยวในสถานที่กำหนด โดยมีมัคคุเทศก์ เป็นผู้บรรยาย ชี้แจง แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว ถือเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (7) แห่งประมวลรัษฎากร – การรับเหมาที่ต้องจัดหาสัมภาระในส่วนสำคัญนอกจากเครื่องมือ สามารถหักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาได้ในอัตราร้อยละ 70 ของเงินได้พึงประเมิน

ในกรณีนี้ ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ก็ให้ถือเป็นส่วนหนึ่งของค่าบริการนำเที่ยวด้วย
หากผู้รับนริการเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น ต้องคำนวณหักภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละ 3.0 ของเงินได้ตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป. 4/2528
การให้บริการนำเที่ยวเป็นการให้บริการที่อยู่ในบังคับที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 77/2 (1) ประกอบกับมาตรา 77/1 (10) แห่งประมวลรัษฎากร

สัญญารับจ้างรับจ้างนำเที่ยว อยู่ในบังคับที่ต้องปิดอากรแสตมป์ ตามลักษณะตราสารที่ 4 แห่งบัญชีอัตราอากรแสตมป์ ในอัตรา 1 บาทต่อทุกจำนวนเงิน 1,000 บาท หรือเศษของ 1,000 บาท แห่งสินจ้างที่กำหนดไว้

วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ภงด 2 กรมสรรพากรไม่ให้เขียนแบบยื่นด้วยกระดาษแล้ว ต้องยื่นทาง Net หรือ ด้วยสื่อคอมพิวเตอร์ เท่านั้น





อ้างถึงประกาศ
1.คำชี้แจงกรมสรรพากร เรื่อง การยื่นแบบ ภงด 2 และ ภงด 2 ก
กรมสรรพากร เลื่อนระยะเวลาการบังคับใช้ ตามประกาศอธิบดี กรมสรรพากรฉบับที่ 260
http://www.rd.go.th/fileadmin/user_upload/kormor/newlaw/1303058r19.pdf

2.อยากรู้ว่าเงินได้อะไร ต้องใช้แบบ ภงด 2 บ้างดูได้จากตารางสรุปภาษีเงินได้ หัก ณ ที่จ่ายลิงก์ข้างล่าง ครับ
http://taxclinic.mof.go.th/upload/pdf/rd25.pdf

วิธีการยื่นด้วยสื่อคอมพิวเตอร์
1.ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 255)
 1.ยื่นแบบด้วย
      1.1 สื่อคอมพิวเตอร์
      1.2 พิมพ์เอกสารแสดงรายการ
      1.3 ชำระเงินที่กรมสรรพากร
      http://goo.gl/KeauM2

2.สมัคร และ ยื่นแบบด้วยคอมพิวเตอร์ออนไลน์ (แบบ ภงด 2 + 2 ก.)
     2.1 ยื่นแบบด้วยคอมพิวเตอร์ออนไลน์ (ไม่มีสื่อคอมพิวเตอร์ กรณี ภงด 2 + 2ก )
     2.2 พิมพ์รายงานเฉพาะกรณี ภงด 2 เพื่อนำไปยื่นกรมสรรพากร
     2.3 ชำระเงินที่กรมสรรพากร เฉพาะกรณี ภงด 2
     http://goo.gl/UKc6Bu

  3. สมัครยื่นแบบทางอินเตอร์เนต+ชำระเงิน (เฉพาะแบบภงด 2 เท่านั้น )
     https://goo.gl/zRE86t  

*คลิกLIKEเพื่อทันข่าวสารด้านภาษี บัญชี เพื่อธุรกิจ SME มาเป็นแฟนเพจของเรา ค่ะ *

วันศุกร์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ของขวัญกับการเสียภาษี

ที่มา จากกรมสรรพากร รวบรวมไว้เพื่อประโยชน์ในการชำระภาษีให้ถูกต้อง
 http://www.rd.go.th/publish/28871.0.html

ชื่อเรื่อง : ภาษีซื้อต้องห้าม กรณีกระเช้าของขวัญ
คำถาม :  ซื้อกระเช้าของขวัญแจกลูกค้าในเทศกาล นำภาษีซื้อมาขอเครดิตได้หรือไม่
คำตอบ :  ภาษีซื้อที่เกิดจากการซื้อกระเช้าของขวัญมาแจกหรือให้เป็นของขวัญแก่ลูกค้าเนื่องในพิธีหรือตามโอกาสแห่งขนบธรรมเนียมประเพณี เช่น เทศกาลปีใหม่ เทศกาลสงกรานต์ การเปิดแนะนำสินค้าใหม่ โดยมีนามบัตรของบริษัทที่ระบุชื่อ ที่อยู่ และเครื่องหมายการค้าของบริษัทติดที่กระเช้าของขวัญดังกล่าว เป็นภาษีซื้อต้องห้ามมิให้นำไปหักออกจากภาษีขาย ตามมาตรา82/5(4) แห่งประมวลรัษฎากร และ ข้อ 5 ของประกาศอธิบดีฯ ภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 17)
                 ส่วนภาษีขาย  หากกระเช้าของขวัญดังกล่าวเป็นสิ่งของที่บริษัทพึงให้แก่ลูกค้าตามประเพณี ทางธุรกิจทั่วไปและมีราคาหรือมูลค่าไม่เกินสมควรแล้ว บริษัทไม่ต้องนำมูลค่าของกระเช้าดังกล่าวมารวมคำนวณเป็นมูลค่าของฐานภาษีในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม  ตามมาตรา 79(4) แห่งประมวลรัษฎากร และ ข้อ 2(6) ของประกาศอธิบดีฯ ภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 40)



ชื่อเรื่อง : แจกของขวัญนำมาเป็นค่าใช้จ่าย
คำถาม :  บริษัทแจกของขวัญให้ลูกค้า บริษัทนำมาเป็นค่าใช้จ่ายได้หรือไม่ เป็นจำนวนเท่าไรที่สรรพากรจะไม่ต้องให้มาบวกกลับและนำมาเป็นภาษีซื้อได้หรือไม่

คำตอบ :  1.  ภาษีเงินได้นิติบุคคล     ค่าใช้จ่ายนำมาเป็นค่าใช้จ่ายได้ไม่เกินคนละ 2,000 บาทในแต่ละคราว ตาม กฎกระทรวงฉบับที่ 143 (พ.ศ. 2522)
                  2.  ภาษีมูลค่าเพิ่ม     ภาษีซื้อที่เกิดจากการซื้อของขวัญแจกเป็นภาษีซื้อต้องห้าม ตาม มาตรา 82/5(4) แห่งประมวลรัษฎากร และ ข้อ 5 ของประกาศอธิบดีฯ ภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 17)
                   


ชื่อเรื่อง : เช็คของขวัญให้พนักงานถือเป็นรายจ่ายต้องห้าม
คำถาม :  บริษัทให้เช็คของขวัญกับพนักงาน ถือเป็นรายจ่ายของบริษัท ได้หรือไม่
คำตอบ :  ถือเป็นรายจ่ายไม่ได้ เนื่องจากเป็นรายจ่ายอันมีลักษณะเป็นการส่วนตัว การให้โดยเสน่หาต้องห้าม ตาม มาตรา 65 ตรี(3) แห่งประมวลรัษฎากร



ชื่อเรื่อง : จ้างทำ ส.ค.ส.
คำถาม :  บริษัทจ้างทำ ส.ค.ส. โดยให้ ใส่โลโก้ของบริษัท ถามว่าต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายหรือไม่
คำตอบ :  หากผู้รับจ้างมิได้ผลิตขายเป็นปกติทั่วไป แต่เป็นการผลิตสินค้าตามคำสั่งของลูกค้า ซึ่งสินค้าจะมีลักษณะเฉพาะขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้า โดยเมื่อผลิตสินค้าเสร็จแล้ว ลูกค้าตกลงจะยอมรับสินค้าที่ตรงตามคำสั่งของตนเท่านั้น กรณีดังกล่าวเข้าลักษณะเป็นสัญญาจ้างทำของที่มุ่งถึงผลสำเร็จของงานเป็นสำคัญ ผู้ว่าจ้างจึงมีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่ายทุกครั้งที่จ่ายเงินได้ให้บริษัทในอัตราร้อยละ 3 ตาม ข้อ 8 ของคำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป.4/25428ฯ แต่หากเป็นการผลิตขายเป็นปกติทั่วไปอยู่แล้ว การจ่ายเงินได้ดังกล่าวจะถือเป็นการซื้อสินค้า ผู้จ่ายเงินไม่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย



ชื่อเรื่อง :   ตารางสรุปภาระภาษีกรณีการแจก แถม และสินค้าที่ใช้ไปในการส่งเสริมการขาย

กิจกรรมส่งเสริมการขาย
ภาษีมูลค่าเพิ่ม
จากการขายสินค้าหรือบริการ
ภาษีเงินได้นิติบุคคล
ภาษีหัก ณ ที่จ่าย
เสีย/+ภาษีขาย
ยกเว้น/ไม่เสีย
หักภาษีซื้อได้
ต้นทุนของสินค้า
ถือเป็นรายจ่าย
1.  การแจกสินค้า (Free distribution)
1.1  การแจกสินค้าตัวอย่าง (Sampling)

X
X

X
1.2  การแจกสินค้า/ให้ของขวัญตามเทศกาล
X
X
X
1.3  การแจกโดยซื้อสินค้าอื่นไปใช้เป็นของแจก
X
X
X
1.4  การแจกสินค้าตัวอย่างให้ผู้จัดจำหน่าย
X
X
X
2. การใช้คูปอง (Used Coupon)
2.1  คูปองแลกซื้อสินค้า

X
X
2.2  คูปองส่วนลดค่าสินค้า
X
X
2.3  คูปองสะสมแต้มตามแผนส่งเสริมการขาย

X

X
3. ของแถมที่ให้ผู้บริโภค (Premium)
3.1  ของแถมที่ใส่ในหีบห่อหรือในกล่องสินค้า
(In-pack Premium)
X
X
X
3.2  ของแถมที่แนบติดไปกับสินค้า
(On-Pack Premium)
X
X
X
3.3  ของแถมแยกชิ้นอิสระที่ให้ต่างหากจากสินค้า (Near-pack)
X
X
X
3.4  ของแถมที่ส่งให้ภายหลังการซื้อสินค้า/ใช้สินค้า
X
X
X
3.5  ของแถมที่ส่งทางไปรษณีย์
(Free – in the mail Premium)
X
X
X
3.6  ของแถมที่ใช้ชิ้นส่วนแลกซื้อ
X
X
X
3.7  ของแถมที่มีมูลค่ามากกว่าสินค้า
X
 X
3.8  การแถมบริการหีบห่อ (Packaging)
X
X
X
4. ส่วนลด (Discount)
4.1  ส่วนลดการค้าพร้อมการขาย
(Trade Discount)
X
X
X
4.2  ส่วนลดเงินสดพร้อมการขาย (Cash discount)
X
X
X
4.3 ส่วนลดภายหลังที่เป็นรางวัลจากการส่งเสริมการขาย
X
X
X
X
5. ของขวัญและของชำร่วย (Gift & Supplement)
5.1  ให้ในโอกาสเปิดร้าน, เทศกาล, แนะนำสินค้าใหม่

X

X

X
5.2 ใ ห้สินค้าอื่น, ให้ผู้อื่นที่ไม่ใช่ลูกค้า
X
X
6. ของรางวัล
6.1  รางวัลจากการแข่งขันหรือชิงโชค
(Contest & Sweepstakes)

X

X

X

X
6.2   รางวัลหรือโบนัสที่ได้รับจากการส่งเสริมการขาย
X
X
X
X
7. การบริจาคสินค้า(Donation)
7.1  บริจาคสินค้าให้องค์การสาธารณกุศล,        สถานศึกษาเอกชน

X

X
7.2  บริจาคสินค้าให้หน่วยราชการ/รัฐบาล สถานพยาบาลเอกชน
X
X
7.3 บริจาคสินค้าให้สำนักสงฆ์,มูลนิธิ/สมาคมที่ไม่อยู่ในรายชื่อประกาศกำหนดให้เป็นองค์การสาธารณกุศล,คณะบุคคลอื่น
X





RD Call  Center  1161
บริการอย่างเป็นมิตร เพื่อนคู่คิดทางภาษี