วันจันทร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2559

สรุป พรก.นิรโทษกรรมภาษีและยกเว้นภาษี SME พร้อมคำชี้แจงตัวอย่างจากกรมสรรพากร


สรุป:- มาตรการบัญชีเล่มเดียวและการยกเว้นและลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับ SMEs

หลักการหรือสาเหตุที่ออกกฎหมายดังกล่าว

http://www.rd.go.th/publish/fileadmin/download/sme/1std_040159.pdf

พระราชกำหนดที่ยกเว้นการตรวจสอบภาษีย้อนหลังก่อนปี 2558

http://www.rd.go.th/publish/fileadmin/download/sme/2law1_040159.pdf

พระราชกฤษฎีกายกเว้นภาษีให้กับ SME

http://www.rd.go.th/publish/fileadmin/download/sme/3law2_040159.pdf

คำชี้แจงจากกรมสรรพากร พร้อมตัวอย่างประกอบ

http://www.rd.go.th/publish/fileadmin/download/sme/4exp_040159.pdf

สรุปคำชี้แจงประกอบให้ดูเข้าใจโดยง่าย

http://www.rd.go.th/publish/fileadmin/download/sme/5con_050159.pdf

ความเห็นโดยส่วนตัว

ถ้าผู้ประกอบการ SME มั่นใจว่า ในปี 2559 จะจัดทำบัญชีชุดเดียว หรือทำอยู่แล้วก็สมัครได้เลย ครับ เพราะมีแต่ได้ไม่มีเสีย

กำหนดเปิดให้สมัครเริ่ม 15 มค 59 ถึง 15 มีค 59 ปิดรับการใช้สิทธิ์

ที่มา Fanpage :- สุเทพ พงษ์พิทักษ์
ข้อมูลเพิ่มเติม ท่านอ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ไม่มีความเกี่ยวข้องใดกับสำนักงานบัญชี เป็นการนำมาเผยแพร่เพื่อประโยชน์แก่ผู้เสียภาษีให้ถูกต้องเท่านั้น ขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์มา  ณที่นี้ด้วย ครับ

คุณ Nok OK (12 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา 22:02 น.) 

ปุจฉา: ตามพระราชกฤฎีกาฯ "ม. 6 (1) ไม่มีทุนที่ชำระแล้วรอบบัญชีใดเกิน 5 ล้านและไม่มีรายได้รอบใดเกิน 30 ล้านบาท" หมายถึงจากปี2558 ขึ้นไป (คือปี 2559 เกิน 30 ล้านก็ถูกถอนสิทธิ) ไหมคะ? และ ตั้งแต่ปี 2558 ลงไปกี่ปีคะที่รายได้ไม่เกิน 30 ล้าน เพราะเปิดมา 25 ปี ต้องกลับไปดูย้อนหลังกี่ปีคะ?
สุเทพ พงษ์พิทักษ์
วิสัชนา: 
ตามมาตรา 8 แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 530) พ.ศ. 2554 บัญญัติว่า
"มาตรา 8 บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่จะได้รับสิทธิในการลดอัตราภาษีเงินได้ตามมาตรา 6 และการยกเว้นภาษีเงินได้ตามมาตรา 7 ต้องไม่มีทุนที่ชำระแล้วในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีใดเกินห้าล้านบาทและต้องไม่มีรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการในรอบระยะเวลาบัญชีใดเกินสามสิบล้านบาท ทั้งนี้ ตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2555 เป็นต้นไป"
ดังนั้น หากตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีปี 2555 เป็นต้นไป กิจการ SMEs ที่ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขข้อใดข้อหนึ่งหรือทั้งสองข้อ กิจการนั้น ย่อมไม่ได้สิทธิเป็น SMEs ที่จะลดอัตราและยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีนั้นเป็นต้นไป และไม่อาจกล้บคืนมาได้สิทธิดังเช่นพระราชกฤษฎีกาฯ ฉบับก่อนๆ อีกต่อไป
ตามมาตรา 6 แห่งพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 595) พ.ศ. 2558 บัญญัติว่า
"มาตรา 6 บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่จะได้รับสิทธิในการลดอัตราและยกเว้นภาษีเงินได้ตามมาตรา 4 และมาตรา 5 ต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
(1) ไม่มีทุนที่ชำระแล้วในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีใดเกินห้าล้านบาทและไม่มีรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการในรอบระยะเวลาบัญชีใดเกินสามสิบล้านบาท
(2) ได้จดแจ้งเป็นผู้ประกอบการตามกฎหมายว่าด้วยการยกเว้นและสนับสนุนการปฏิบัติการเกี่ยวกับภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร
(3) ไม่ถูกเพิกถอนการได้รับยกเว้นตามกฎหมายว่าด้วยการยกเว้นและสนับสนุนการปฏิบัติการเกี่ยวกับภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร"
ดังนั้น การพิจารณาเงื่อนไขตามมาตรา 8 แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 530) พ.ศ. 2554 ไม่อาจพิจารณาเป็นรายรอบระยะเวลาบัญชีดังเช่นที่เคยเป็นตามพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 470) พ.ศ. 2551 ได้อีกแล้ว เนื่องจากได้มีการกำหนดเงื่อนไขใหม่ที่แตกต่างไปจากเดิม โดยให้พิจารณาว่า ตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีปี 2555 เป็นต้นมาเท่านั้น ไม่ต้องย้อนกลับไปถึง 25 ปีดอกครับ หากตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีปี 2555 เป็นต้นมาจนถึงรอบระยะเวลาบัญชีปี 2560 กิจการ SMEs มีรอบระยะเวลาบัญชีปีใดไม่เป็นไปตามเงื่อนไขในมาตรา 8 แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 530) กล่าวคือ มีทุนที่ชำระแล้วในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีใดเกินห้าล้านบาท และหรือ่มีรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการในรอบระยะเวลาบัญชีใดเกินสามสิบล้านบาท ก็ย่อมเสียสิทธิตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นไป ไม่อาจจะกลับมาใช้สิทธิตามตามมาตรา 6 แห่งพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 595) พ.ศ. 2558 ได้อีกเลย




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น